ผู้เขียน: admin

การค้นพบสไปโนซอรัส ของNizar ibrahim

วันนี้เรามาดูเรื่องราวที่ต้องบอกเลยว่าต้องสะเทือนวงการไดโนเสาร์เลยก็ว่าได้ในวันที่29เดือนเมษายน ปี2020ที่ผ่านมาNizar ibrahimก็ได้เสนอหลักฐานที่จะช่วยยืนยันทฤษฎีของเขาว่าแท้ที่จริงแล้ว  เจ้าสไปโนซอรัส ยังคงใช้ชีวิตอยู่ในน้ำเป็นหลักอย่างแน่นอน โดนกระดูกชุดใหม่ที่ได้ถูกค้นพบเพิ่มเติมในปี ค.ศ.2018 และถ้าได้ดูจากรูปร่างแล้วที่เราเคยได้เห็นกันในโรงภาพยนตร์นั้นมันก็เป็นสัตว์บกและเป็นนักล่า

แต่การวิวัฒนาการของมันนั้นมันได้มาถูกเฉลยในปีนี้ กระดูกหางกว่า30ชิ้นของเจ้าสไปโนซอรัสก็ได้ถูกค้นพบเพิ่มเติมที่เคนเคนเบ็ดที่อยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศโมร็อกโกจากการศึกษาก็ได้พบว่าหางของ  เจ้าสไปโนซอรัส ได้มีกระดูกส่วนเนโรสไปป์ของหางที่สูงมากโดยเฉพาะบริเวณปลายหางที่มีความสูงเป็นพิเศษที่ส่วนสไปป์ของหางมมันได้สูงกว่าส่วนเซ็นเท็มถึง7เท่ากระดูกเชฟรอนก็ยาวมากเช่นกันจึงเป็นไปไม่ได้ว่าหางของเจ้าสไปโนซอรัส

มันจะมีกล้ามเนื้อที่โคนหางหนามากและยังได้มีปลายหางที่มีรูปทรงแบนคล้ายกับหางของปลาและจรเข้ทำให้เกิดแนวคิดที่ว่าแทนจริงแล้วหางของเจ้าสไปโนซอรัสก็ยาวและมีเอาไว้ตวัดน้ำเพื่อที่จะได้เคลื่อนตัวในน้ำได้อย่างเต็มรูปแบบอย่างงั้นรึ เพื่อทดสอบแนวคิดนี้Nizar ibrahimจึงต้องจำลองหุ้นกลไกเพื่อทดสอบของหางเจ้าสไปโนซอรัสและได้พบว่าหางของมันสามารถมีพละกําลังในการแก่วหางสูงกว่าไดโนเสาร์โดยทั่วๆไปถึง8เท่าNizar ibrahimจึงได้ออกมาทำการสรุปอีกว่าเจ้าสไปโนซอรัสมันได้เป็นไดโนเสาร์ตัวแรกที่มันสามารถวิวัฒนาการตัวเอง

และได้ใช้ชีวิตอยู่ในน้ำมากกว่าสไปโนซอรัสตัวอื่นๆไปอีกขั้นและด้วยหางของมันที่ทรงประสิทธิภาพทำให้มันไม่จำเป็นที่จะต้องยืนจับปลาอยู่ที่ริมแม่น้ำแต่มันอาจจะสามารถว่ายน้ำตามลงไปล่าสัตว์ที่อยู่ภายในน้ำได้เลยสำหรับในการค้นพบครั้งนี้ก็ได้มีการสนับสนุนพฤติกรรมและวิวัฒนาการของเจ้าสไปโนซอรัสที่มันได้เป็นสัตว์ที่ได้อาศัยอยู่ทั้งบกและในน้ำตบอดจนได้

เป็นการค้นพบในครั้งที่สำคัญที่มันทำให้เราได้เข้าใจถึงสรีระที่น่าอัศจรรย์ของไดโนเสาร์เทอโรพอดที่มันได้พยายามที่จะปรับตัวเพื่อที่มันจะได้อาศัยอยู่ในน้ำได้อย่างเกือบเต็มรูปแบบที่มันได้มีมาให้เรานั้นได้ค้นพบในปัจจุบันนี้และก็ยังได้ศึกษาอีกด้วยว่าสัตว์ตัวนี้ได้เป็นไดโนเสาร์ยุคแรกที่ว่ายน้ำและเป็นสัตว์กินเนื้อในช่วงของยุคไดโนเสาร์ครั้งแรกที่ประเทศโมร็อกโก

 

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  bk8 info

การสำรวจหาแหล่งน้ำและอากาศธานน้ำบนพื้นผิวดาวอังคาร

ดาวอังคารได้เป็นดาวเคราะห์ในลำดับที่4นับจากดวงอาทิตย์และมันก็ได้เป็นอีกหนึ่งในดาวเคราะห์ที่เรานั้นได้ให้ความสนใจมันอย่างพิเศษเพราะจากการศึกษาข้อมูลต่างๆจากดาวอังคารแล้วก็พบว่ามันจะมีความเป็นไปได้อยู่พอสมควรว่าเรานั้น

จะสามารถที่จะเข้าไปตั้งอานานิคมและจะสามารถขยายเผ่าพันธุ์มนุษย์บนพื้นที่ดวงดาวนั้นได้ เนื่องจากว่ามันได้มีความคล้ายเหมือนกันกับโลกที่มันได้เกี่ยวข้องกับปัดจัยในหลายๆอย่างทั้งความเอียงของแกนดาวที่มันจะสามารถทำให้เกิดในฤดูกาลต่างๆและยังได้รวมไปถึงระยะทางขนาดสภาพภูมิประเทศและดาวอังคารก็ยังถือว่าเป็นสิ่งที่ได้มีการเอื้อนต่อสิ่งที่มีชีวิตสำหรับบรรยากาศที่บนดาวอังคารนั้นมันยังได้ประกอบไปด้วยคาร์บอนไดออกไซด์ร้อยละ96อาร์กอนร้อยละ1.93และ ไนโตรเจนร้อยละ1.89ได้ร่วมกัน

ไปกันกับออกซิเจนและน้ำในปริมาณเพียงเล็กน้อยในบรรยากาศนั้นจะมีฝุ่นค่อนข้างมากโดยมันจะเป็นอนุภาพที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ1.5ไมโครเมตร มันจะทำให้ท้องฟ้ากลายเป็นสีที่มันออกเหมือนน้ำตาลปนเหลืองหากเราได้มองจากพื้น ซึ่งหลังจากนอกเหนือจากที่เราได้มองสังเกตจากโลกแล้วสำหรับข้อมูลใหม่ที่มันได้มีความเกี่ยวข้องกับดาวอังคาร

ซึ่งก็ได้มาจากยานที่ได้บนไปทำการสำรวจประมาณ7ลำที่ยังติดอยู่ในขั้นตอนการทำภาระกิจที่ด้านบนและการโคจรของดาวเหนือของดาวอังคารที่มันได้ประกอบไปด้วยยานที่มันกำลังโคจรอยู่ประมาณ5ลำและยังได้มียานที่สำหรับทำการสำรวจที่บนพื้นอีก2ลำที่จะได้ทำการศึกษาผิวของบนดวงดาวภูมิอากาศและด้านธรณีวิทยา

ซึ่งทางด้านสาธารณะชนโดยทั่วๆไปจะสามารถขอดูรูปภาพของบนดวงดาวอังคารได้จากโปรแกรมไฮวิชซึ่งมารีเนอร์สี่ซึ่งได้เป็นยานลงสำรวจลำแรกที่สามารถเข้าไปจอดดาวอังคารได้อย่างสำเร็จในปี1965หลังจากนั้นก็ได้ส่งยานขึ้นไปทำการสำรวจอีกเยอะแยะมากมายซึ่งยานทุกๆลำที่ได้ส่งออกไปทำการสำรวจมันก็จะมีภาระกิจที่แตกต่างกันออกไป

อย่างเช่นยานขึ้นไปทำแผนที่ทางธรณีวิทยาการหาแหล่งน้ำที่มันอยู่ในพื้นดินการเซาะระบบชีวิตอื่นๆ ซึ่งในระยะไม่กี่ปีที่ได้ผ่านมาเราก็ยังได้รู้ข้อมูลที่มันจะสร้างความตื่นเต้นให้กับเรามากยิ่งขึ้น

อย่างเช่นการค้นพบร่องรอยของสายน้ำที่มันได้ไหลเข้ามากัดบนพื้นผิวของดาวอังคารและมันก็ยังทำให้เรานั้นได้รับรู้ว่าเรานั้นยังได้มีความหวังเราอาจจะพบเห็นเจอกับสิ่งที่มันได้มีชีวิตที่แห่งนั้น เนื่องจากว่านักวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่แล้วก็ยังเชื่ออีกว่าน้ำนั้นมันสามารถทำให้สิ่งมีชีวิตเติบโตขึ้นมาได้

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  bk8 โบนัส 100

การกำเนิดของรุ้งกินน้ำ

           หลายคนคงจะเคยเห็นรุ้งกินน้ำ ซึ่งเจ้ารุ้งกินน้ำที่เราเห็นกันบ่อยๆนี้เรามักจะเห็นมันเกิดขึ้นหลังจากฝนตกใหม่ๆ อย่างที่ทุกคนทราบกันดีว่ารุ้งกินน้ำนั้นมี 7 สี โดยในสมัยเด็กๆหลายคนคงเคยท่องสีทั้ง 7 ว่ามีสีอะไรบ้าง นั่นก็คือ ม่วง  คราม น้ำเงิน  เขียว  เหลือง  แสด  แดง เจ็ดสีที่ส่องประกายสวยงามหลังฝนตก ในปัจจุบันเราจะไม่ค่อยได้พบเห็นรุ้งกินน้ำกันสักเท่าไหร่ อย่างที่ทราบกันดี 

ในสมัยเรียนหนังสือว่า รุ้งกินน้ำเกิดจากการหักเหของแสง ซึ่งตอนเรียนวิทยาศาสตร์จะมีการระบุไว้ว่า แสงเดินทางเป็นเส้นตรง แต่คุณรู้หรือไม่ว่า ทำไมเวลาที่เกิดรุ้งกินน้ำแล้วถึงเป็นเส้นโค้ง

          ถ้าอยากรู้ว่าทำไมรุ้งกินน้ำถึงเป็นเส้นโค้ง เรามาทวนความจำด้านวิทยาศาสตร์กันก่อนว่าแสงมีคุณสมบัติอย่างไร และรุ้งกินน้ำเกิดขึ้นได้อย่างไรกันก่อน เพื่อเป็นการทวนความรู้วิทยาศาสตร์กันก่อนค่ะ

         แสง เป็นพลังงานอย่างหนึ่งเดินทางด้วยความเร็วสูง แสงเป็นศูนย์รวมของการดำเนินชีวิต หากขาดแสงสิ่งมีชีวิตทุกชนิดจะไม่สามารถอยู่ได้ มนุษย์ต้องการแสงในการให้ความสว่างรวมถึงต้องการออกซิเจนจากต้นไม้เพื่อให้ดำรงชีวิตอยู่ได้ ส่วนต้นไม้ถ้าไม่มีแสงก็ไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ ดังนั้นแสงจึงเป็นเหมือนวัตจักรในการดำเนินชีวิต แหล่งกำเนินของแสงที่ใหญ่ที่สุดก็คือแสงจากดวงอาทิตย์ ปัจจุบันมนุษย์ได้คิดค้นพลังงานแสงขึ้นมาใช้เองนั่นคือแสงจากไฟฟ้า

         นักวิทยาศาสตร์มีการระบุไว้ว่าแสงจากดวงอาทิตย์ที่เราเห็นกันนั้นเป็นสีขาว แต่เมื่อเรานำปริซึมมาส่องดูจะเห็นได้ว่าแสงสีขาวที่เราเห็นกันนั้นจริงแล้วมีแถบสีเรียงกันถึง 7 สีโดยมีการเรียกแถบทั้ง 7 สีนี้ว่าสเปกตรัม ทีนี้เรามาดูกันว่าทำไมถึงเกิดรุ้งกินน้ำ อย่างที่รู้กันดีว่า รุ้งกินน้ำ เกิดมาจากละอองน้ำในอากาศมีการหักเหกับแสงของดวงอาทิตย์ทำให้เกิดสเปกตรัมแถบสีทั้ง 7 ขึ้น ซึ่งหลังฝนตกใหม่ๆจะมีละอองน้ำเล็กๆลอยในอากาศเป็นจำนวนมาก เมื่อละอองน้ำมีการหักเหกับแสงแล้วมาสะท้อนเข้าตาของเราในมุมที่ต่างกัน โดยแสงที่หักเหจะทำมุมจึงทำให้เห็นเป็นเส้นโค้ง ที่เราเรียกกันว่า รุ้งกินน้ำ

สำหรับรุ้งกินน้ำแบ่งเป็น 2 ชนิดคือ รุ้งกินน้ำแบบปฐมภูมิกับรุ้งกินน้ำแบบทุติยภูมิ

-รุ้งกินน้ำแบบปฐมภูมิ เราจะเห็นสีของรุ้งกินน้ำมีสีแดงอยู่ด้านบนและสีม่วงอยู่ด้านล่าง นั้นเพราะแสงกระทบกับหยดน้ำทางขอบบนทำให้เกิดการหักเห 2 ครั้งแต่สะท้อนกลับแค่ 1 ครั้ง

-รุ้งกินน้ำแบบทุติยภูมิ เราจะเห็นสีรุ้งกินน้ำมีสีม่วงอยู่ด้านบนส่วนสีแดงจะอยู่ด้านล่าง นั้นเพราะแสงกระทบกับหยดน้ำทางขอบล่าง ทำให้เกิดการหักเห 2 ครั้งและสะท้อนกลับหมดทั้ง 2 ครั้ง

-รุ้งกินน้ำที่สมบูรณ์จะมีรูปแบบเป็นวงกลม แต่เมื่อมองจากพื้นขึ้นไปจะมองเห็นแค่บางส่วนเท่านั้น

 

 

ได้รับการสนับสนุนมาจาก  คาสิโนออนไลน์

โรงเรียนทั่วประเทศกำลัง เตรียมตัวกับวันเปิดเทอม

 

             จากการที่ทางรัฐบาลได้มีการประชุมปรึกษาหารือกันแล้วและยืนยันแน่นอนแล้วว่าจะให้มีการเปิดการเรียนการสอนของนักเรียนทั่วประเทศพร้อมกันในวันที่ 1 เดือนกรกฎาคม ปีพศ. 2563 มีนั้นโรงเรียนต่างๆทั่วทุกภาคและทุกจังหวัดต่างก็เริ่มทยอยออกมาหามาตรการในการดูแลนักเรียนในช่วงที่จะมีการเปิดเทอมในวันที่ 1 เดือนกรกฎาคมนี้

โดยมีการจัดแผนการว่าจะมีการจัดการเรียนการสอนอย่างไรบ้างเพื่อให้ชั้นปีการศึกษาภาคเรียนที่ 1 ที่กำลังจะเกิดขึ้นซึ่งแน่นอนว่าเมื่อโรงเรียนมีการเปิดเทอมก็จะต้องมีการดูแลคุณภาพการใช้ชีวิตของนักเรียนภายในโรงเรียนอย่างดีเพื่อไม่ให้มีการระบาดของไวรัสโคโรน่าเกิดขึ้นภายในโรงเรียนดังนั้นคณะกรรมการเกี่ยวกับเรื่องของการศึกษาขั้นพื้นฐาน

จึงได้มีการกำหนดนโยบายออกมาเกี่ยวกับเรื่องของการรับนักเรียนที่จะเข้าเรียนในปีการศึกษาใหม่ซึ่งจะต้องมีการสอบเข้าเช่นเด็กนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 กับเด็กนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4

โดยนักเรียนเหล่านี้จะไม่สามารถเข้าเรียนได้ทันทีจะต้องมีการสอบเข้าก่อนซึ่งปกติแล้วเราจะมีการทำเป็นประจำทุกปีอยู่แล้วแต่ปีนี้ค่อนข้างที่จะมีการวางแผนให้รัดกุมมากกว่าเดิมโดยจะมีการกำหนดว่าจะมีการเปิดให้นักเรียนไปทำการสมัครเรียนได้ในวันที่ 3 ถึงวันที่ 12 เดือนพฤษภาคมปีพศ 2563 หลังจากนั้นก็จะมีการให้นักเรียนแต่ละคนไปสอบเพื่อคัดเลือกเข้าไปโรงเรียนที่ตนเอง

ต้องการโดยจะมีการกำหนดการสอบช่วงประมาณเดือนมิถุนายนปีพศ. 2563 ซึ่งทางกระทรวงศึกษาธิการจะมีการประกาศออกมาอีกครั้งหนึ่งว่าการนั่งสอบนั้นจะให้นักเรียนไปนั่งสอบที่ไหนและจะมีการจัดเตรียมที่สอบอย่างไรรวมถึงวันสอบนั้นจะมีการกำหนดเป็นวันที่เท่าไหร่แน่นอนว่าในเรื่องของการลงทะเบียนการเข้าไปเลือกสถานที่ที่เราจากเรียนนั้นสามารถทำได้ผ่านทางระบบออนไลน์

แต่เมื่อใดก็ตามที่มีการเปิดการสอบจริงๆนักเรียนทุกคนจะต้องมีการไปสอบตามสถานที่ที่มีการกำหนดไว้ให้เพราะจะต้องมีการตรวจสอบเรื่องของการทุจริตหรือไม่ดังนั้นการสอบเข้ามัธยมศึกษาปีที่ 1 และชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 นั้นจึงไม่สามารถสอบผ่านทางระบบออนไลน์ได้แน่นอนดังนั้นทางโรงเรียนต่างๆจึงจะต้องมีการจัดเตรียมสถานที่เอาไว้รองรับจำนวนนักเรียน

ให้เพียงพอกับผู้ที่เดินทางมาสอบและต้องมีการกำหนดเงื่อนไขการเข้าสอบให้ชัดเจนมีการตรวจสอบความเรียบร้อยก่อนมีการเข้าสอบเรื่องของการสวมใส่หน้ากากอนามัยรวมถึงการตรวจวัดไข้ก่อนให้นักเรียนเข้าห้องสอบซึ่งเป็นหลักการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่าอย่างหนึ่งเช่นเดียวกัน

 

ขอบคุณผู้ให้การสนับสนุนโดย  ทางเข้า rb88

สัตว์ในยุคโบราณเมื่อ10,000ปีก่อนที่ได้สูญพันธุ์ลงไป

Woolly mammoth

ช้างแมมมอธนั้นได้สูญพันไปเมื่อ11,700ปีที่ผ่านมา ซึ่งตัวช้างแมมมอธนั้นมันได้มีความยาวของลำตัวมันประมาณ4เมตรและมันก็ยังได้มีขนที่ยาว นอกจากนี้สาเหตุของการสูญพันของช้างแมมมอธนั้นก็ยังเชื่อว่า ช้างแมมมอธนั้นมันได้สูญพันธุ์จากการถูกล่าในช่วงยุคมนุษย์หินได้ตายลงไปจนหมด

ซึ่งได้มีการค้นพบสุสานของช้างแมมมอธที่ได้มีขนาดใหญ่รวมไปถึงอาวุธในสมัยของยุคหินเป็นจำนวนมากที่มันได้ถูกฝังเอาไว้ใต้กระดูกของช้างแมมมอธนอกจากนี้ก็ยังได้เชื่อว่าในมนุษย์ของยุคหินนั้นได้ใช้ไฟและหอกปลายแหลมออกไล่ล่าเจ้าช้างแมมมอธเพื่อจะนำเอาเนื้อของเจาช้างแมมมอธนั้นนำเอามาทำเป็นอาหารจากนั้นก็นำเอาหนังของช้างแมมมอธนั้นมาทำเป็นเครื่องนุ่งห่ม ในปัจจุบันก็ยังได้พบโครงกระดูกที่มีความสมบูรณ์มากที่สุดได้ถูกนำเอาไปจัดแสดงอยู่ที่Zoologica Museumที่ประเทศรัฐเซีย

 Doedicurus Clavicaudatus

สำหรับ Doedicurus Clavicaudatusนั้นมันได้สูญพันธุ์หายไปจากโลกเมื่อ11,000ปีก่อนซึ่งได้อาศัยอยู่แถวอเมริกาใต้ ซึ่งมันก็จะมีลักษณะที่ดูเหมือนกับตัวนิ่มและลำตัวของมันนั้นได้มีกระดองปกคลุมที่ดูเหมือนกับแผ่นเกล็ดที่มันได้เป็นกระดูกที่ได้ถูกพัฒนาขึ้นมาจากเนื้อเยื่อทั้งนี้หัวและหางของมันก็มีส่วนที่เป็นเกล็ดเหมือนกันซึ่งมันจะมีหางของมันที่เป็นตุ้มนั้นเอาไว้ใช้สำหรับในการต่อสู้ สำหรับอาหารของมันนั้นมันก็จะชอบกินพืชผักเป็นอาหารมากกว่าและจะอาศัยรวมกันอยู่เป็นฝูงทั้นี้

โดยซากฟอสซิลของมันนั้นก้ได้ถูกค้นพบในแทบของอเมริกาใต้นอกจากนี้ทางด้านของเหล่านักวิทยาศาสตร์ก็ยังได้วิเคราะห์ขึ้นมาอีกว่าในการสูญพันธุ์ของเจ้า Doedicurus Clavicaudatusนั้นมันอาจจะถูกล่าโดยจากมนุษย์กลุ่มแรกที่ได้ตั้งรกรากขึ้นมา เนื่องจากนี้ก็ได้มีการนำเอากระดูกมาจัดแสดงของส่วนหัวและในการจำลองของส่วนหนึ่งของเจ้า Doedicurus Clavicaudatus ที่ ROSE CENTER ที่สหรัฐอเมริกา

 Smilodon fatalisเสือเขี้ยวดาบ

สำหรับเจ้าเสือพันธุ์เขี้ยวดาบนั้นมันได้สูญพันธุ์ไปจากโลกเมื่อ10,000ปีที่แล้วซึ่งมันได้อาศัยอยู่ที่ยุโรปซึ่งมันได้มีขาด้านหน้ายาวกว่าขาด้านหลังของมันและยังมีหางที่สั้นรวมไปถึงเขี้ยวของมันนั้นมีความยาวและแบนที่มีส่วนโค้งเหมือนกับดาบ ซึ่งมันได้เป็นสัตว์ที่กินเนื้อและได้มีความดุร้ายมากกว่าเสือตัวอื่นๆ

และมันจะใช้เขี้ยวที่ใหญ่และแหลมคมของมันนั้นเอาไว้กระชากเหยื่อลักษณะในการออกล่าเหยื่อของมันนั้นก็จะเหมือนกับสิงโตในปัจจุบันนอกจากนี้ทางด้านนักวิทยาศาสตร์ก็ได้ออกมาบอกถึงการสูญพันธุ์ของมันว่ามันได้เกิดการเปลี่ยนแปลงด้านสภาพภูมิอากาศในช่วงนั้นจึงทำให้เสือเขี้ยวดาบชนิดนี้สูญพันธุ์ไปในที่สุด

 

ขอบคุณผู้ให้การสนับสนุนโดย  rb88 ล็อกอิน

แรงโน้มถ่วงนั้นเกิดขึ้นมาได้อย่างไร

รูปถ่ายติดล็อกเนสส์มันไม่ใช่ของจริง

สำหรับเรื่องสัตว์ประหลาดที่ได้มีความลึกลับในระดับตำนานใครหลายคนก็อาจจะเชื่อกันใช่หรือไม่และถ้าหากว่ามันได้เป็นเรื่องราวที่มันจะหาข้อที่พิสูจน์ไม่ได้อย่างล็อกเนสส์หรือว่าเนสซีแล้วบอกได้เลยว่าจริงจังกันอย่างมาก ซึ่งในขณะที่ใครหลายๆคนถึงขั้นลงทุนกับว่าไปค้นหาเพื่อที่จะได้พบกับตัวเป็นๆของมัน

อีกทั้งยังได้ถูกนำรูปร่างลักษณะนำเอาไปใช้เพื่อเป็นตัวละครอีกด้วย ซึ่งเรื่องราวของมันนั้นที่ได้มีการเกิดขึ้นในปี1933 ซึ่งได้มีครอบครัวหนึ่งพวกเขาได้ออกมาพูดันว่าพวกเขานั้นได้พบเจอกับสัตว์แปลกๆที่มันมีขนาดที่ใหญ่ยักษ์ที่มีคอยาวซึ่งมันก็ได้เดินผ่านที่น่ารถของพวกเขาจากนั้นสัตว์ประหลาดตัวนั้นมันก็ได้หายเข้าไปในทะเลสาบ

นอกจากนี้ในปี1934สัตว์แพทย์โรเบิร์ตวิลสันเขาก็ได้ถ่ายรูปภาพที่มีสัตว์ประหลาดที่มันได้เอาหัวขึ้นมาจากน้ำจากนั้นจึงได้ทำให้มีการพูดถึงกันอย่างหนักว่ามันเป็นรูปภาพของล็อกเนสส์อย่างแน่นอน แต่สุดท้ายไม่นานความจริงก็ปรากฎเนื่องจากสัตว์ที่มันได้อยู่ในรูปภาพนั้นมันได้เป็นของเล่นที่มันอยู่ติดกันกับไม้

ซึ่งมันได้เป็นของแถมมาจากของเล่นเพียงเท่านั้นเอง ซึ่งมันจะพิสูจน์ไม่ได้เลยว่าพวกมันนั้นจะมีอยู่จริงหรือไม่ ซึ่งมันก็ได้ทำให้เมืองเหล่านี้ได้มีชื่อเสียงเยอะแยะมากมายถึง100ปีกันเลยทีเดี่ยว

แอปเปิ้ลไม่ได้ร่วงบนศรีษะของเซอรไอแซก นิวตัน

สำหรับเรื่องนี้ก็อย่างที่พวกเรานั้นได้รู้กันดีว่าทฤษฎีของแรงโน้มถ่วงของเซอรไอแซก นิวตันนั้นมันได้มาจากสิ่งบังเอิญทั้งหมด ซึ่งได้มีอยู่วันหนึ่งเขาได้ชอบออกไปนั่งอ่านหนังสือที่ใต้ต้นแอปเปิ้ลจากนั้นผลขอลแอปเปิ้ลนั้นมันก็ได้ร่วงใส่หัวของเซอรไอแซกเข้าอย่างแรง จากนั้นมันก็ได้ทำให้เขาได้ไอเดียและก็ได้พัฒนากดแรงโน้มถ่วงขึ้นมาได้อย่างสำเร็จภายในปีประมาณ1687

แต่อย่างไรก็ตามเราก็อยากจะพูดว่าลูกแอปเปิ้ลนั้นมันไม่ได้ร่วงลงมาใส่ศรีษะของเขาแบบตรงๆหรอก แต่ผลของแอปเปิ้ลนั้นมันได้ร่วงลงมาที่พื้นต่างหากและคนที่ได้มาเหล่าเรื่องนี้วิลเลียมสตุ๊กกีซึ่งก็ได้ผ่านในหนังสือเมื่อในปี1752

ซึ่งในช่วงนั้น นิวตัน เขาก็ได้กลับไปที่ล้านของเขาในช่วงโรงเรียนนั้นปิดเทอมเพราะได้มีโรคระบากจากนั้นเขาก็ได้นั่งอยู่ที่สวนผลไม้จากนั้นก็มีผลแอปเปิ้ลร่วงลงมาและเขาก็นึกในใจว่าสิ่งของถึงจะต้องตกลงมาบนพื้นอยู่เสมอจากนั้นมันก็ได้มีทฤษฎีเหล่านี้เกิดขึ้นมานี่เอง

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  ทางเข้าbk8

ความใฝ่รู้ของเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่ผลิตกังหันลมจากเศษกองขยะ

วันนี้ทางเว็บ คาสิโนออนไลน์ 2020  ของเราจะพาไปดูเรื่องราวของเรื่องจริงที่ไม่มีกล้องจับภาพเอาไว้แล้วจะมีใครที่จะมาเชื่อและมันจะมีเรื่องอะไรที่มันทำให้น่าสนใจบ้างเราได้ดูพร้อมกันเลยดีกว่า

วิลเลี่ยม คัมแควมบ้า

สำหรับเรื่องนี้ก็ได้พูดกันว่าได้มีหนุ่มน้อยอายุเพียง14ปีชาวมาลาวีคนนี้ ซึ่งเขาก็ได้มาจากครอบครัวที่แสนจะยากจนซึ่งเขาได้มีอาหารที่เอาไว้กินวันละหนึ่งมื้ออีกทั้งไร่นาของเขาก็ได้เจอกับภัยแร้งเป็นเดือนๆแต่ด้วยความที่เขานั้นได้รักในการเรียนรู้และได้ชอบอ่านหนังสือวิทยาศาสตร์จนมาวันหนึ่งตัวของเขาเองนั้นก็ได้เข้ามาศึกษาในเรื่องของกังหันลม

ที่ได้เอาไว้ใช้วิดน้ำและเอาไว้ใช้ทำการเกษตรรวมไปถึงผลิตไฟฟ้าได้เขาจึงได้ไปรวบรวมวัตถุจากกองขยะและได้นำเอามาสร้างเป็นกังหันลมทำเองที่มันสามารถกระแสงไฟฟ้าได้จริง ซึ่งเขายังได้บอกอีกว่าก่อนที่ตัวเขานั้นจะค้นคว้าความอัศจรรย์ของวิทยาศาสตร์นั้นเขาเองก็ได้เป็นแค่เพียงชาวนาคนหนึ่งธรรมดาๆในประเทศที่ได้มีแต่ชาวนายากจน

เขารู้สึกดีมากที่เขานั้นได้เรียนโรงเรียนมัธยมเขาก็เลยจะทำทุกอย่างเท่าที่มันจะเป็นไปได้เพื่อให้ได้รับการศึกษาเขาเลยไปที่ห้องสมุดเขาได้อ่านหนังสือวิทยาศาสตร์โดยเฉพาะฟิสิกส์ ซึ่งมันก็ได้เป็นหนังสือเล่มหนึ่งที่มันทำให้เขานั้นได้ความรู้ในเรื่องนั้นมันได้เขียนเอาไว้ว่ากังหันลมเอาไว้ใช้สูบน้ำและผลิตไฟฟ้าได้เขาก็ได้คิดและทำดูเขาได้ไปเจอใบพัดรถรถเทรลเตอร์โช๊คอัพ

และท่อพีวีซีและเขาก็ได้ใช้กรอบล้อจักรยานกับไดนาโมของรถยนต์เก่าๆเพื่อนำเอามาสร้างเครื่องจักรของเขา ซึ่งในช่วงที่เขาได้ผลิตขึ้นมานั้นเขาสามารถที่จะติดไฟขึ้นมาได้ประมาณหนึ่งหลอดต่อมาก็ได้ประมาณ4หลอดพร้อมกับตัวที่เอาไว้ตัดวงจรไฟที่สร้างขึ้นมาตามมอเตอร์ไฟฟ้าและในอีกประมาณครึ่งหนึ่งก็ได้เอาไว้ใช้เพื่อทำการสูบน้้ำ

เพื่อเอาไว้ใช้ทำชลประทานและในปัดจัยจากเด็กชายคนนี้นั้นก็ได้ต่อยอดวัตถุของกังหันลมและใช้วัตถุที่เขานั้นสามารถที่จะหามันได้จากกองขยะจึงทำให้ตัวของเขานั้นได้ประสบความสำเร็จ และก็ยังต้องบอกเลยว่ามันได้เป็นสิ่งที่ได้สร้างแรงบันดานใจให้กับผู้ที่ใฝ่รู้เป็นอย่างมากกันเลยที่เดี่ยวต้องบอกเลยว่ามันเป็นอะไรที่แสนจะวิเศษเอามากๆจากเด็กชายคนนี้ที่ได้อ่านหนังสือและได้นำเอามาปรับใช้และผลิตมันขึ้นมาเพื่อให้มันนั้นใช้ได้จริง

สิ่งที่นักวิทยาศาสตร์ยังหาคำตอบไม่ได้

น้ำตกลึกลับ

สำหรับสถานที่น้ำตกแห่งนี้ ซึ่งได้อยู่ทางตอนเหนือของทะเลสาบสุพีเรียที่อยู่ในเมืองมินนิโซตา นอกจากนี้ทางน้ำตกนั้นมันยังได้แบ่งเป็นลำน้ำประมาณสองสาย ซึ่งน้ำตกลำน้ำแรกมันจะไหลลงไปทางด้านของทะเลสาบ แต่สิ่งที่จะต้องแปลกนั้นมันก็คือน้ำตกอีกลำน้ำหนึ่งนั้นมันได้ไหลลงไปด้านหลุมลึกลับที่มองอย่างไรมันก็ไม่มีทางออก นอกจากนี้ได้ความสงสัยดังกล่าวน้ำที่มันได้ไหลลงไปข้างในหลุมนั้นมันจะมีจุดทางออกอยู่ที่ไหนกัน

จากนั้นจึงได้มีนักวิทยาศาสตร์ได้เข้ามาทำการทดลองนำเอาไม้ทาสีและก็เอาลูกปิงปองโยนลงไป ผลก็ได้ออกมาแล้วว่ายังไม่ได้พบเห็นด้านสิ่งของเหล่านั้นเลยอีกทั้งมันก็ยังไม่มีล่องรอยใดๆให้เห็นเลยและมันก็ได้หายไปตลอดกาล เนื่องจากผู้คนที่ได้สงสัยถึงความเป็นมาของน้ำที่มันอยู่ในหลุมนั้นพวกเขาก็ได้มีทฤษฎีต่างๆนานาอย่างมากมาย

บางคนก็บอกว่าหลุมดังกล่าวนั้นมันได้เป็นประตูมิติเพื่อไปสู่อีกอาณาจักรหนึ่งและบางคนก็ได้บอกว่าหรือข้างใต้หลุมน้ำนี้มันจะมีโลกที่อยู่ใต้น้ำมันจึงมีร่องน้ำเพื่อให้สายน้ำนั้นได้ไหลลงเข้าไปได้แต่ถึงอย่างไรก็ตามมันก็เป็นเพียงแค่บางทฤษฎีเท่านั้นที่หลายคนได้คิดขึ้นมาในความเป็นจริงแล้วของน้ำตกแห่งนี้มันก็ยังได้เป็นปริศนาที่ยังไม่สามารถอธิบายในจนมาถึงปัจจุบันนี้

แสงไฟเฮสดาเลน

สำหรับแสงไฟนั้นมันได้เกิดขึ้นมาด้านบนภูเขาที่มีขนาดเล็กที่หมู่บ้านเฮสดาเลนที่มันตั้งอยู่ในประเทศนอร์เวย์ ซึ่งดวงไฟที่มีความลึกลับของแสงไฟนี้ ซึ่งมันก็ได้มีลักษณะที่เป็นแสงขนาดใหญ่มั่งและมีขนาดที่เล็กบ้าง ซึ่งดวงไฟนั้นมันก็จะมีทั้งสีขาวแล้วก็มีสีเหลืองและสีแดง เนื่องจากนี้แสงไฟดังกล่าวนี้มันก็ยังได้ส่องสว่างไปทั่วบนท้องไฟ หรือในบางทีมันก็ยังได้ปรากฎขึ้นมาเป็นลูกไฟ

ที่มันได้ลอยไปและก็ลอยมา ซึ่งในบ้างครั้งเองดวงไฟนี้มันก็ยังได้หายไปอย่างรวดเร็ว และที่สำคัญนี้มันยังได้มีข่าวรายงานมาอีกว่า ซึ่งได้มีผู้คนที่ได้เข้าไปเห็นสิ่งของที่มีความลึกลับบางอย่างที่มันได้มีคู่กับแสงไฟของเฮสดาเลน

นอกจากนี้มันก็ยังได้ทำให้ใครหลายคนนั้นได้เชื่อกันว่า สิ่งที่มันได้มาพร้อมกับแสงนั้นมันก็น่าจะเป็นยานufoของเหล่าบรรดาเอเลี่ยนนั้นเอง นอกจากนี้เมื่อในปี1983 ก็ได้มีการจัดตั้งทำโครงการเฮสดาเลนเพื่อได้ทำการศึกษาหาความรู้เพื่อที่จะหาสิ่งที่เกิดมาจากของลำแสงเหล่านี้แต่แล้วพวกเขาก็ยังไม่สามารถที่จะให้คำตอบได้เลยว่าแสงดังกล่าวนี้มันได้เกิดขึ้นมาจากอะไรกันแน่

 

 

สนับสนุนโดย  next88 

เรื่องราวการไปในเขตพื้นที่สามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า

ทุกวันนี้ยังได้มีเรื่องราวต่างๆมากมายที่ ซึ่งมันได้เป็นเรื่องที่มันน่าพิศวงที่มันได้เกี่ยวข้องกับเรือและเครื่องบินอีกมากมายในBermuda Triangleที่มันได้เป็นเหลี่ยมเบอร์มิวด้า เนื่องจากบริเวณในพื้นที่แห่งนี้มันได้เป็นพื้นที่ขนาดใหญ่ที่มันได้อยู่แถวมหาสมุทรแอตแลนติก ซึ่งมันได้ตั้งอยู่ในฟลอริดา ปอร์โตริโกและรวมไปถึงเบอร์มิวด้า

เนื่องจากในพื้นที่แห่งนี้ได้เป็นสถานที่ที่มันได้มีชื่อเสียงรวมไปถึงเรื่องราวของปรากฎการณ์ที่ได้มีความลึกลับในส่วนของเรือและเครื่องบินเยอะแยะมากมาย ที่มันได้สาปสูญหายไปในเหลี่ยมเบอร์มิวด้า ทั้งนี้ด้านสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า ก็ยังได้มีอีกหนึ่งชื่อที่ได้กล่าวขานกันว่ามันได้เป็นสามเหลี่ยมแห่งปีศาจ ซึ่งการปราการณ์ในทั้งนี้มันได้อยู่ในช่วงสถานการณ์ที่ยากเกินจะอธิบายมันได้ เนื่องจากว่าได้มีเรืองและเครื่องบินได้หายไปอย่างไม่มีวี่แวว ทั้งนี้ก็ยังได้ทีด้านทฤษฏีมากมายที่ได้มีความเกี่ยวข้องกับสิ่งที่มันได้เกินขึ้นมาตรงที่บริเวณแห่งนี้ อย่างเช่น การสูญหายเครื่องบิน มันได้เกิดมาจาอฝีมือของมนุษย์ต่างดาวหรือUFO

หรือมันอาจจะเป็นเรือที่มันได้อับปางจมลงทะเล ซึ่งเหตุมันอาจจะเกิดมาจากสัตว์ประหลาดที่มันอยู่ในผิวน้ำที่มันเป็นความลึกลับ แต่ถึงอย่างไรก็ตามที่ได้กล่าวมานี้มันยังคงเป็นเพียงด้านทฤษฏีเพียงเท่านั้น ซึ่งในจุดที่มันได้เป็นเรื่องลี้ลับของเรื่องนี้มันคือด้านสามเหลี่ยเบอร์มิวด้าที่พิศวง เนื่องจากประมาณปี1945

ซึ่งได้มีเครื่องบินทิ้งระเบิดตอร์ปิโดของอเมริกันประมาณ5ลำ ที่มันได้หายไปอย่างไม่มีวี่แววตรงพื้นที่ของสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า หลังจากนั้นเมื่อไม่นานปัจจุบันสำหรับเครื่องบินอีกประมาณ75ลำรวมไปถึงเรือประมาณร้อยกว่าลำที่มันได้หายไปในบริเวณสามเหลี่ยมเอบร์มิวด้า ทั้งนี้ยังได้มีรายงานมาว่าได้มีเรือและเครื่องบินได้สูญหายในวันที่1ตุลาคม2015

ซึ่งได้มีลำเรือที่ได้บรรทุกสินค้าelfaro ที่ได้หายเข้าไปในพื้นที่แห่งนั้น ซึ่งมันได้เป็นลำเรือของประเทศสหรัฐอเมริกาที่มันกำลังแล่นจากฟอลริด้าเพื่อข้ามไปยังเปอร์โตริโก นอกจากนี้เรือดังกล่าวมันก็ได้หายไปอย่างไม่มีวี่แวว เมื่อไม่นานมายังได้มีการรายงานอีกว่า ได้พบเห็นการปะทุกับชองภูเขาไฟที่มันได้อยู่ใต้น้ำของมหาสมุทรนี้ จากนี้ที่ภูเขาไฟปะทุขึ้นมานั้นมันก็ได้ทำให้เรืออับปางลงหรือป่าว

ซึ่งถ้าหากว่าได้ย้อนไปในวันที่20มิถุนายน 2005ก็ยังได้มีอีกหนึ่งเรื่องที่ได้เกิดขึ้นครั้งใหญ่ ซึ่งได้มีเครื่องบินPiper PAเขาได้หายเข้าได้ในพื้นที่ของสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า รวมไปถึงผู้ก็ได้หายเข้าไปในพื้นที่แห่งนั้นจำนวนสามคน

ถนนชาร์จรถยนต์ของประเทศสวีเดน

วันนี้เราจะขอนำเอาสิ่งที่ทุกคนนั้นไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อนและในวันนี้ทุกๆคนจะได้เห็นสิ่งเหล่านี้เป็นครั้งแรกในชีวิตและมันจะมีอะไรบ้างที่เรานั้นไม่เคยเห็นไปดูกันเลย

ถนนชาร์จไฟได้

สำหรับใครหลายๆคนก็คิดอยากที่จะมีรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้ามันก็อาจจะต้องมีถนนหนทางที่มันสามารถที่จะชาร์จไฟฟ้าได้เช่นเดียวกัน สำหรับในปัจจุบันเรานั้น หากแม้ว่าจะมีถนนที่รถยนต์ไฟฟ้าจะสามารถที่จะขับวิ่งได้สำหรับในการชาร์จไฟฟ้าในหนึ่งครั้งมันจะเพิ่มมาแล้วกว่า200ไมล์ก็ตาม เนื่องจากในการที่จะเข้ามาพัฒนาถนนที่มันจะทำการชาร์จไฟฟ้าได้ให้กับรถยนต์ที่วิ่งอยู่เหล่านี้ได้แล้วมันก็ยังได้เป็นสิ่งที่มันจะต้องจำเป็นต้องมี

อีกทั้งมันยังสามารถที่จะเข้าไปให้ความสนับสนุนด้านอุตสาหกรรมรถยนต์ที่จะทำให้รถยนต์ที่ได้ใใช้พลังงานไฟฟ้าให้ได้มีการเติบโตได้อย่างมั่นคงกว่า นอกจากนี้เรื่องที่ได้กล่าวออกมาในขณะนี้

ถ้าหากว่าเราได้มีถนนที่มันจะทำการชาร์จไฟฟ้าได้นั้นมันก็อาจจะช่วยทำมีการลดส่วนของขนาดของแบตเตอรี่ อีกทั้งยังได้รวมไปถึงในส่วนของจำนวนอุปกรณ์ที่มันได้มีราคาที่สูงที่มันจะต้องจำเป็นต่อรถยนต์ไฟฟ้าที่จะมีขนาดเล็กลงกว่าที่เคยผลิตออกมานั่นเอง เนื่องจากนี้มันจะช่วยลดขนาดส่วนของแบตเตอรี่ที่มันก็จะเป็นสิ่งที่ดีต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย ซึ่งออกด้านของอุตสาหกรรมเหมืองแร่ก็ไม่ต้องออกหาแร่รีเทียม ที่มันจะเป็นโลหะด้านอื่นๆ

ที่มันจะมีน้ำหนักอื่นๆ ที่มันได้เป็นอีกหนึ่งส่วนของการผลิตแบตเตอรี่อย่างมากมายที่ได้เคยเป็นกันมา ซึ่งถนนแห่งนี้มันกำลังจะเปิดขึ้นในประเทศสวีเดน ซึ่งมันจะมีรางอยู่ตรงกลางถนนเพื่อเป็นการส่งกระแสไฟฟ้าเข้าไปชาร์จกันอย่างที่ทุกคนนั้นได้เห็นกันและมันจะมีชิ้นส่วนของกระแสไฟฟ้าบวกเข้ากับถนนเพื่อเป็นการส่งกระแสงไฟฟ้าเข้าสู่ตัวรถ

โดยที่รถของคุณนั้นไม่ต้องหาที่ช่วยแบตเตอรี่รถยนต์ของคุณอีกต่อไป นอกจากนี้ถ้าหากว่าเราได้หาแร่ที่จะนำเอามาผลิตเป็นแบตเตอรี่ให้ได้น้อยมากเท่าไรมันก็จะเป็นผลที่ดีต่อระบบภูมิภาคอากาศให้ได้มีความอุดมสมบูรณ์มากยิ่งขึ้นเท่านั้น

ต้องของบอกเลยว่าแนวหาในการคิดค้นแบบนี้ของผู้ที่เริ่มคิดสร้างถนนชาร์จแบตเตอรี่รถยนต์นั้นถือได้ว่าสุดยอดมากเลยจริง ซึ่งก็ไม่เคยเห็นประเทศไหนเขาจะมีแนวคิดที่ล้ำสมัยขนาดนี้อีกทั้งยังรักษาสภาพแวดล้อมได้อีกด้วยเช่นกัน

 

สนับสนุนโดย  เว็บพนันออนไลน์