ดาวบริวารของโลก

ดาวบริวารของโลก

สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นในกาแลกซี่ทางช้างเผือกของเรานั้น  เป็นที่ทราบกันดีว่ามันกว้างใหญ่มากแค่ไหน เพราะมันเป็นสิ่งที่รวมเอาดาวต่างๆ ไว้มากมายนั่นก็รวมถึงระบบสุริยะของเราด้วย แต่ใครจะไปรู้ว่าการ         ที่กาแลกซี่เกิดขึ้นนั่นจะเกิดมาจากเพียงลูกไฟดวงเดียวเท่านั้น  และมันก็ได้ระเบิดจนทำให้เกิดกาแลกซี่ และดวงดาวต่างๆ ขึ้นมา แน่นอนว่าโลกก็เป็นผลมาจากการที่เกิดกาแลกซี่  แล้วทำให้เกิดระบบสุริยะ จากนั้นไม่นานก่อเกิดดาวเคราะห์ที่มีชื่อว่าโลกเกิดขึ้นมา

ดาวเคราะห์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นมาในระบบสุริยะของเรา จะมีทั้งดาวเคราะห์ที่มีบริวาร และไม่มีบริวาร สำหรับโลกของเราแน่นอนว่า  บริวารของมันก็คือดวงจันทร์ที่เรามักจะมองเห็นกันในเวลากลางคืน ดวงจันทร์นี้ถือกำเนิดขึ้นมาเมื่อ 4,500 ล้านปีก่อน หรือไม่นานมากนักหลังจากที่โลกถือกำเนิดขึ้นมา โดยมีการ ที่ได้รับการยอมรับกันอย่างกว้างขวางของการกำเนิดดวงจันทร์ ก็คือดวงจันทร์นั้นมีการกำเนิดเกิดขึ้นมาจากเศษซาก 

    ที่เหลือจากการปะทะกันอย่างรุนแรงในอวกาศ ระหว่างโลกของเรากับดาวเคราะห์ปริศนาที่มีขนาดและปริมาณเท่ากับดาวอังคาร หรือเราจะเรียกมันว่า เธเอีย จนทำให้สะสารบ้างส่วนนั้นที่เกิดจากการปะทะกัน ได้ก่อให้เกิดรูปเป็นทรงกลมและได้กลายมาเป็นดวงจันทร์ที่เราเห็นในปัจจุบันนั้นเอง 

ซึ่งดวงจันทร์ที่ว่านี้มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 3,500 กิโลเมตร  สิ่งที่เราได้กล่าวมาข้างต้นนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ซึ่งนี้เป็นเพียงสิ่งที่ทำให้โลกของเรามีดาวบริวารที่มีชื่อว่าดวงจันทร์เท่านั้น  เพราะดวงจันทร์เป็นดาวดวงหนึ่งที่มีความน่าสนใจและมีความที่หน้าค้นหาเป็นอย่างมาก 

ซึ่งแน่นอนว่าตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบันนี้ได้มีนักวิทยาศาสตร์และนักดาราศาสตร์ต่างๆ มากมาย     ที่ค่อยสืบค้นหาความลับของดาวบริวารของโลกดวงนี้  โลกต้องตกใจกับสิ่งที่  คุณได้รับอวกาศของเราเป็นอะไรที่คนธรรมดาๆ อย่างเราๆ ยากที่จะเข้าใจ  แต่ถ้าคุณได้เรียนรู้และทดลองที่จะตั้งคำถามแล้วลองออกไปค้นหาคำตอบเกี่ยวกับมัน

แน่นอนว่าคุณถ้าคุณได้ศึกษาลึกเข้าไปมากเท่าไหร่คุณจะเจอแต่เรื่องที่ไม่น่าเชื่อว่ามันจะมีสิ่งแบบนี้อยู่จริงๆ  ในจักรวารหรือแม้แต่บนโลกของเราพวกมันจะทำให้คุณ  ไม่สามารถที่จะหยุดค้นหาพวกมันได้เลย ดาวบริวารของโลกดวงนี้มีสิ่งที่ซับซ้อนและน่าค้นหาอยู่อีกมากมายภายในตัวของมัน แน่นอนว่าถ้าคุณได้ศึกษาแล้วจะเป็นคนหนึ่งที่ถอนตัวไม่ขึ้นเลย 

 

สนับสนุนโดย .    v9bet

ความผิดปกติทางโคโมโซม

อย่างที่ทุกคนทราบกันดีว่าโรคติดต่อนั้น เป็นสิ่งที่น่ากลัวเป็นอย่างมากคงไม่มีใครในโลกนี้ที่อยากจะติดโรคเป็นแน่ ถ้าหากจะพูดถึงเรื่องของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์หลายๆ คงจะนึกถึงโรคที่ติดต่อกันผ่านการมีเพศสัมพันธ์อย่างแน่นอน แต่น้อยคนนั้นที่จะรู้ว่าโรคติดต่อนั้น  มีการติดต่อกันได้หลากหลายไม่จำเป็นที่จะต้องติดทางการมีเพศสัมพันธ์กันเท่านั้น

โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์  มีอยู่หลากกหลายโรคแตกต่างกันไป อย่างเช่นการติดเชื่อ HIV แน่นอนว่าเมื่อคุณได้ชื่อว่าเป็นผู้ที่ติดเชื่อHIV สิ่งแรกที่คุณจะได้รับอย่างเห็นได้ชัดเลยก็คือสายตาของคนรอบข้างที่เริ่มมองคุณเปลี่ยนไปจนคุณรับรู้ได้ แต่โรคติดต่อไม่ได้มีแต่โรคที่ติดต่อกันทางการมีเพศสัมพันธ์เพียงเท่านั้น

เพราะมันยังมีโรคที่สามารถติดต่อกันผ่านทางพันธุกรรมได้ สำหรับความผิดปกติของโคโมโซมในคนหลายๆ คนอาจจะสงสัยว่ามันคืออะไรกันแน่ ก็ที่เราจะรู้ว่าความผิดปกติของโคโมโซมคืออะไร เราควรที่จะรู้ก่อนว่าโคโมโซมนั้นคือมันเป็นแหล่งของยีนเพื่อสร้างเซลสืบพันธ์ หรือเป็นการแบ่งเซลของร่างกายย่อมมีความผิดพลาดเกิดขึ้น แม้ว่าจะเกิดขึ้นในส่วนน้อยก็ตาม ซึ่งความผิดปกติดังกล่าวนี้จะแบ่งออกได้เป็นสองแบบคือ แบบที่ 1 ความผิดปกติของออโต้โซม หรือเรียกก็คือโคโมโซมร่างกายนั้นเอง

ความผิดปกติในส่วนนี้เป็นความผิดที่เกิดในส่วนของร่างกาย มีความผิดปกติสองชนิดคือ ความผิดปกติของโคโมโซมในบางคู่ และเป็นความผิดปกติที่รูปร่างของออโต้โซม ที่มีบางส่วนของออโต้โซมขาดหายไปบางส่วนจำนวนของโคโมโซมยังเท่ากับคนปกติ สำหรับโรคที่เกิดจาดความผิดปกติของโคโมโซมนี้ก็มีลักษณะและอาการที่แตกต่างกันไปความคูของโคโมโซม ยกตัวอย่างผู้ป่วยกลุ่มดาวซินโดรม ที่มีจำนวนโคโมโซมคู่ที่ 21 เกินมาหนึ่งแท่ง ทำให้มีความผิดปกติมาตั้งแต่เกิด รูปร่างหน้าสามารถบ่งบอกได้บุคคลนี้จัดอยู่ในผู้ป่วยที่อยู่ในกลุ่มดาวซินโดรม

ในส่วนของความผิดปกติที่โคโมโซมบางคู่ขาดหายไปก็อย่างเช่น กลุ่มอาการคริดูซาต์ เกิดจากแขนของโคโมโซมคู่ที่5 หายไปหนึ่งโคโมโซม สักษณะ    ที่พบคือมีศีรษะที่เล็กกว่าปกติ หน้ากลม ใบหูที่อยู่ต่ำกว่าปกติ เป็นต้น

ในกลุ่มคนที่เกิดมาแล้วมีความผิดปกติของโคโมโซมพวกนี้ แน่นอนว่าถ้าหากพวกเขาเลือกที่จะเกิดได้เขาคงไม่เลือกเกิดมาให้ตัวเองมีความผิดปกติแบบนี้แน่นอน ถ้าเลือกเกิดได้เขาก็คงจะเลือกเกิดเป็นคนที่ปกติเหมือนกับเราที่สามารถใช้ชีวิตในสังคมทั่วไปได้อย่างปกติเป็นแน่

 

 

สนับสนุนโดย  aecasino

จุดกำเนิดแห่งชีวิต

ก่อนที่จะมีกลางวันและกลางคืนก่อนที่จะมีฤดูผลิฤดูใบไม้ร่วงดาวดวงหนึ่งซึ่งก็คือดวงอาทิตย์ของเราได้เกิดระเบิดลุกจ้าขึ้นเป็นจุดกำเนิดของชีวิตจากดาวที่ลุกไหม้เวลามันได้ผ่านไปจนกระทั่งดาวเคราะห์ในระบบสุริยะจักรวาลของเราก่อตัวเป้นรู้เป็นร่าง

นอกจากนี้กว่า4,000ปีก่อนดาวเคราะห์ดวงหนึ่งได้ถือกำเนิดขึ้นดาวเคราะห์ที่มีชื่อว่าโลกอันเป็นบ้านของเราแต่ทั่งว่านับจาก1,000ล้านปีนับจากการถือกำเนิดโลกกลับไม่ได้เป็นบ้านที่จะสามารถเอื้ออำนวยต่อสิ่งมีชีวิตใดๆได้เลยเป็นเพียงโลกสีแดงมวลสารที่ร้อนรุมเป็นเพลิงก๊าซพิษและหินที่หลอมละลาย

ซึ่งแกนกลางของดาวเคราะห์ดวงนี้เป็นเวลานานแสนนานที่ดาวเคราะห์แรกเกิดดวงนี้ต้องทนทุกข์ทรมานกับความเจ็บปวดจากการเติบโตและการเปลี่ยนแปลงเมื่อโลกตั้งสร้างรูปร่างและเปลี่ยนโลกตนเอง นับจากจุดเริ่มต้นโดลกก็ได้รู้จักกับกลางวันและกลางคืนแต่กลับเป็นกลางคืนและกลางวันที่เราไม่เคยได้รู้จักมาก่อน

นอกจากนี้ด้วยพลังงานจากการสร้างสรรค์โลกจะต้องรีบเร่งผ่านวงจรชีวิตประจำวันของตนด้วยการหมุนรอบตัวเองด้วยความเร็วมากกว่าในปัจจุบันมากถึง5เท่าแสงดาวส่งประกายเพียงไม่กี่ชั่วโมงเช่นเดียวกันกับดวงอาทิตย์กลางวันเปลี่ยนผ่านไปสู่กลางคืนอย่างรวดเร็ว 

โลกและดวงอาทิตย์ไม่ได้โคจรอยู่เพียงลำพังแต่ยังมีดาวดวงอื่นหมุนเวียนบางครั้งจนกระทั่งการเผชิญหน้าที่รุนแรงครั้งหนึ่งได้เปลี่ยนแปลงทุกสิ่งทุกอย่างไปตลอดการ ทฤษฎีหนึ่งได้บอกเล่าเรื่องราวอุบัติเหตุแห่งจักรวารเรื่องราวของดาวเคราะห์น้อยขนาดใหญ่บนวิถีทางของแรงปะทะมันอาจจะเป็นการกำเนิดของดวงจันทร์และเป็นจังหวะแห่งชีวิตจำนวนมาก

โดยแต่ก่อนนั้นดวงจันทร์จะเป็นเพียงเมฆหมอกของฝุ่นผงที่ล้อมรอบดาวเคระห์เช่นเดียวกันกับวงแหวนของดาวเสาร์ก่อนที่จะมารวมตัวกันเป็นดาวบริวารที่ไร้ชีวิตดวงจันทร์มีขนาดเล็กเกินกว่าที่จะรักษาชั้นบรรยากาศเอาไว้ได้และถูกถล่มด้วยเศษฝุ่นนับจากนั้นเป็นต้นมา

เมื่อปราศจากฝนหรือลมที่จะช่วยปัดเป่าให้พื้นผิวราบเรียบผิวหน้าของดวงจันทร์จะคงยังสิ้นริ้วรอยที่จะแสดงให้เห็นถึงความรุนแรงที่เกิดขึ้นนอกพิภพ สำหรับบนโลกชั้นบรรยากาศกำลังก่อตัวขึ้นจากหมอกเมฆก๊าซพิษและไอน้ำที่ถูกขับออกมาภายในแกนโลก

ดังนั้นบนดาวเคราะห์ที่โคจรใกล้กับดวงอาทิตย์น้ำที่ได้ระเหยไปหมดและบนดาวเคราะห์ที่มีอุณหภูมิหนาวเย็นกว่าน้ำก็ไปแปลเป็นสภาพกลายมาเป็นน้ำแข็งบนโลกและไอน้ำก็ได้กลั้นตัวและตกลงมาเป็นฝนตกลงมาบนแผ่นดินทำให้เกิดมหาสมุทรแห่งแรกต้องถือกำเนิดขึ้นมา

 

สนับสนุนโดย  เว็บพนันบอล ถูกกฎหมาย

พืชสามารถรับรู้ได้ถึงเวลา

อย่างที่เรานั้นรู้ๆ กันดีว่าจักรวารเป็นสิ่งที่กว้างใหญ่ และได้ซ้อนอะไรเอาไว้เยอะมากๆ แต่เราก็สามารถที่จะพัฒนาเทคโนโลยีต่างๆ เพื่อที่จะให้สามารถออกไปสำรวจสิ่งที่อยู้นอกโลกของเราได้ แต่คุณเชื่อหรือไม่ว่าในขณะที่เรากำลังศึกษาสิ่งที่อยู่นอกโลกอยู่นั้น สิ่งที่อยู่บนโลกของเราบางอย่างเรายังไม่สามารถที่จะหาคำตอบได้เลยด้วยซ้ำไป ความลับที่อยู่นอกโลกนั้นมีให้เราได้ศึกษาโดยที่ไม่เบื่อ แต่ความลับที่มีอยู่บนโลกก็ไม่ให้ศึกษาโดยที่ไม่เบื่อเช่นเดียวกัน เพราะมันก็ไม่ได้นอกไปกว่าในอวกาศเลย

ความลับที่อยู่บนโลกของเราอีกเรื่องที่น้อยคนนักจะรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ ซึ่งแน่นอนว่ามันเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับพืช คนเรานั้นสามารถรับรู้ได้ถึงเวลาว่าตอนนี้เป็นเวลาเท่าไหร่แล้ว แต่เชื่อไหมว่าพืชก็มีความสามารถนี้เช่นเดียวกัน คุณอาจจะรู้ดีว่ามนุษย์รวมไปถึงสัตว์ชนิดต่างๆ จะมีนาฬิกาชีวภาพอยู่ภายในร่างกาย ซึ่งเจ้านาฬิกาชีวะภาพนี้มันถูกเรียกว่า Circadian Rhythms เจ้านาฬิกาชีวะภาพนี้คือ ลักษณะทาง   ชีววิทยา ตลอด 24

ของแต่ละคน ที่จะเกิดการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาเพื่อควบคุมการทำงานของระบบต่างๆ ภายในร่างกาย เช่น ฮอร์โมน อุณฟภูมิของร่างกาย การหลับและการตื่น เป็นต้น แต่นาฬิกาชีวะภาพนี้ไม่ได้มีแค่ในมนุษย์และสัตว์เพียงเท่านั้น สำหรับพืชก็จะมีความสามารถที่คล้ายๆ กับนาฬิกาชีวะภาพนี้เช่นเดียวกัน

พืชไม่เพียงตอบสนองต่อแสงที่ปรากฏตอนพระอาทิตย์ขึ้น แต่พวกมันยังสามารถรับรู้ได้อีกด้วยว่าอีกไม่กี่  อึดใจ พระอาทิตย์ก็จะขึ้น ซึ่งพวกมันก็จะมีการเตรียมตัวสำหรับเรื่องนี้อีกด้วย ในการศึกษาที่สำคัญอย่างหนึ่ง นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในประเทศอังกฤษ ได้มีการค้นพบว่าพืชจะใช้น้ำตาลที่สร้างขึ้น

เพื่อที่จะเป็นตัวกำหนดเวลา ดังนั้นน้ำตาลเหล่านี้จึงมีส่วนที่สำคัญ ที่จะส่วนควบคุมยีนที่มีผลต่อนาฬิกาชีวะภาพของพืชนั้นเอง อย่างก็ตามนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่เป็นความลับ  ของพืชที่น้อยคนนักจะรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ ในส่วนของที่เป็นความลับของพืชยังมีอยู่อีกมาก โดยที่เมื่อคุณได้ลองไปศึกษาดูแล้วคุณต้องไม่เชื่อในสิ่งที่ได้รับรู้มาอย่างแน่นอนว่าพืชที่เราเห็นกันอยู่บ่อยๆ นั้นสามารถทำเรื่องแบบนี้ได้ด้วยหรอ 

แต่สุดท้ายนี้ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม การศึกษาเกี่ยวกับเรื่องที่มีอยู่บนโลกของเราไม่ได้สำคัญน้อยไปกว่าการศึกษานอกโลกเลย แน่นอนว่าทั้งสองอย่างนี้ฃล้วนมีความสำคัญกันทั้งนั้น ซึ่งถ้าหากว่าเป็นไปได้เราอยากให้ทุกคนศึกษาทั้งสองเรื่องนี้ไปพร้อมกันมันจะเป็นอะไรที่ดีเอามากๆ เลยทีเดียว

 

สนับสนุนโดย  แทงหวยออนไลน์

การสื่อสารผ่านราก

อย่างที่เราก็รู้ๆ กันดีว่ามนุษย์นั้นไม่ใช่สิ่งมีชีวิต สิ่งเดียวบนโลกใบนี้ แต่มันยังมีอีกหลายสิ่งหลายมากมาย แม้แต่พืชชนิดต่างๆ ก็เป็นสิ่งมีชีวิตเช่นเดียว  สำหรับพืชถือได้ว่าเป็นสิ่งสำคัญต่อมนุษย์อย่างเราๆ ไม่แพ้น้ำและสารอาหารเลย และแน่นอนว่าว่าพืชไม่ใช่แค่เป็นสิ้่งที่เรานำมาทำอาหาร และใช้ตกแต่งเพียงเท่านั้น แต่มันยังคงมีความลับที่ซ้อนเอาไว้อยู่ เช่นเดียวกับสิ่งต่างๆ บนโลกนี้ ที่บางเรื่องเราก็ไม่สามารถที่จะรู้ได้ว่าแท้ที่จริงแล้วมันเป็นยังไงกันแน่

ต้นไม้ที่เราเห็นกันเป็นปกติในชีวิตประจำวันของเรา  เมื่อมองจากสายตาแรกแล้วนั้นมันก็ดูจะคล้ายๆ กันไปหมดไม่ได้มีอะไรที่โดดเด่นเป็นพิเศษ กิ่งอ่อนๆ ที่พัดไปตามสายลม สัตว์ป่าที่ทำรังอยู่บนนั้น ดังนั้นคุณจงอาจจะต้องแปลกใจนิดหน่อย ถ้าต้นไม้ที่ดูแสนจะธรรมดาเหล่านี้ มันกำลังมีการสนทนากันข้างใต้พื้นดินที่เรากำลังเหยียบอยู่ 

นักวิจัยได้มีการค้นพบว่าพืชมีความสามาถในการสื่อสารระหว่างกันได้ ผ่านเครือข่ายของรากที่อยู่ใต้ดิน ซึ่งประกอบด้วยเชื้อรา เครือข่ายของรากที่เต็มไปด้วยเชื้อรานี้จะทำหน้าที่ได้หลากหลาย ซึ่งหนึ่งในการศึกษา ได้มีการพบว่าพืชตระกูลมะเขือเทศ สามารถใช้เชื่อราเพื่อเตือนกันและกันถึงการทำลายของเชื้อโรคที่เป็นอันตราย และการศึกษาอีกข้อหนึ่งพบว่าต้นไม้ที่มีการเชื่อมต่อผ่าเครือข่ายของรากผ่านเชื้อรานั้น

จะสามารถถ่ายโอนสารอาหารออกไปให้กันต้นไม้ต้นอื่นๆ ที่มีการเชื่อมต่อเครือข่ายอยู่ได้ นักนิเวศวิทยาค้นหนึ่งได้ค้นพบหลักฐานเกี่ยวกับเรื่องนี้เมื่อปี 1997 ซึ่งเธอเชื่อว่าต้นไม่ใหญ่จะมีการโอนสารอาหารไปยังต้นกล้าต้นเล็กๆ  เพื่อช่วยให้พวกมันรอดตาย ไม่เพียงเท่านั้นพืชเหล่านี้ยังสามารถทำลายพืชที่ไม่พึงประสงค์ได้อีกด้วย 

โดยการที่พวกมันจะทำการแพร่กระจายสารพิษผ่านเชื้อรา และเห็ดพิษ นอกจากต้นไม้จะสามารถส่งข้อความและแบ่งปันทรัพยากรได้แล้ว พวกมันยังสามารถที่จะแพร่กระจายไวรัส ซึ่งจะคล้ายกับว่าในโลกของพืชนั้นมีการใช้ระบบอินเตอร์มาก่อนมนุษย์อย่างเราๆ อีกนะเนี่ย แน่นอนว่าเมื่อคุรได้ยินเรื่งราวเหล่านี้ในตอนแรกคุณก็คงจะไม่เชื่อ

  แต่ว่าเรื่องที่เราได้กล่าวมาทั้งหมดนั้นก็เป็นเรื่องที่ไม่สามารถปฏิเสธได้เลยว่ามันเป็นเรื่องที่น่าทึ้งเอามากๆ  เรื่องหนึ่ง เพราะเอาเองก็ไม่รู้มาก่อนว่าพืชต่างๆ หรือต้นมีที่เราเห็นกันในทุกๆ  วันจะมีอะไรที่น่าเหลือเชื่อที่พวกมันทำกันได้แบบนี้ อย่างไรก็ตามเรื่องราวต่างๆ ที่เกี่ยวเรื่องพืชและต้นไม้ยังมีอะไรให้เรา ได้ศึกษากันอีกมากมาย ไม่ใช่มีเพียงเรื่องนี้เรื่องเดียวเท่านั้น

 

สนับสนุนโดย  เว็บพนันต่างประเทศ ถูกกฎหมาย

คุณสามารถมองเห็น Area 51บน Google Meps ได้

แน่นอนว่าการเดินทางไปในสถานที่ ที่เราไม่คุ้นเคยมันก็อาจจะมีหลงทางกันบ้าง ซึ่งในอดีตตัวช่วยของเราก็จะเป็นแผนที่  ที่เป็นแผ่นกระดาษ แต่ในปัจจุบันนี้เทคโนโลยีต่างๆ ก็ก้าวหน้าไปมากแล้ว มันจึงได้  มีเทคโนโลยีเพื่อที่จะมาใช้นำทางเราได้ซึ่งเราก็เรียกมันว่า GPS นั้น แต่ในวันนี้เราไม่ได้พูดเกี่ยวกับมันหรอกนะ เราจะพูดถึง Google Maps เพราะว่าเราจะใช้มันเพื่อที่จะดูว่าพื้นที่ ที่เรากำลังจะตามหาต่อไปนี้จะปรากฏหรือไม่

Area 51 พพื้นที่แห่งนี้เชื่อว่าหลายๆ คนก็คงจะรู้จัก หรือเคยได้ยินกันมาบ้าง ก่อนอื่นต้องบอกไว้ก่อนเลยว่า พื้นที่แห่งนี้มันถูกสร้างขึ้นมา เมื่อสมัยที่เกิดสงครามเย็น ระหว่างสหรัฐอเมริกา และสหภาพ     โซเวียด ถึงแม้ว่าประชาชนทั่วไปอาจจะไม่รู้ถึงสิ่งใดๆ เกี่ยวกับสิ่งที่อยู่ในพื้นที่  Area 51 ทว่าได้มีบริษัทหนึ่งรู้โครงสร้างทั้งหทดของมันอย่างน้อยก็จากระยะห่างจากดาวเทียม

นั้นก็คือ Google ซึ่งอาจจะเป็นหนึ่งในบริษัทของเอกชนไม่กี่แห่งที่ได้รับการอนุญาติให้ทำแผนที่สถานที่ลับของรัฐบาล และในขณะนี้           คุณก็สามารถที่จะเห็นมันได้ด้วยความละเอียดที่สูง จากการดูผ่าน Google Maps ซึ่งเราก็จะเห็นได้ว่ามันเกิดการเติบโตของพื้นที่ในช่วงเวลาหลายปีที่ผ่ามานี้

และนี้มันก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ทำให้เราค้อนข้างรู้สึกประหลาดใจ ที่ทางรัฐบาลสหรัฐอนุญาติให้  Google ทำได้ และนอกจากนี้ยังมีสิ่งที่  Google จะทำให้คุณประหลาดใจเกี่ยวกับการส่อง Area 51 จากมุมสูง  ซึ่งถ้าหากว่าคุณมีพิกัดในแผนที่ไปที่ 37.24804 กับ-115.888155 และเมื่อคุณเอาเม้าไปลากตัวเรียกดูภาพ Street View ที่มุมล้างขาว คุณก็จะพบว่าจัวชี้ดังกล่าวจะเปลี่ยนจากรูปคนตัวเล็ก กลายไปเป็น UFO

แน่นอนว่าเมื่อทำแบบนี้แล้วก็ก้สามารถที่จะมองเห็นพื้นที่ ที่เป็นของ  Area 51 ทั้งหมด แล้วก็ต้องแปลกใจเข้าไปอีกกับความกว้างใหญ่ของพื้นที่ในบริเวณนี้  Area 51 ถือว่าเป็นพื้นที่ทางทหารที่มีความลึกลับซับซ้อนเป็นอย่างมาก นั้นก้เพราะว่ามันมีเรื่องของมนุษย์ต่างดาวเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยยังไงละ

และความน่ตกใจเกี่ยวกับ Area 51 อีกเรื่องหนึ่งก็คือ พื้นที่ในบริเวณนี้มันยังคงมีการขนายตัวอย่างต่อเนื่องเมื่อหลายปีที่ผ่านมานี้ ซึ่งเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ก็ได้มีนักทฤษฏีสมคบคิดต่างๆ ออกมาแสดงความคิดเห็นและพูดถึงกันไม่น้อยเลยที่เดียว เกี่ยวกับการขยายตัวของมัน อย่างไรก็ตามสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นภายพื้นที่  บริเวณนี้ เราไม่สามารถที่จะรู้ได้เลยว่ามันคืออะไรกัน  ก็ทำได้เพียงแค่สงสัย และอ่านข้อมูลผ่านทางอิเตอร์เน็นเท่านั้น

 

สนับสนุนโดย    เทคนิคการเล่นหวยให้ได้กำไร

สร้าง COVID-19 ขึ้นมาจาก HIV

โลกของเราในยุคสมัยนี้น่ากลัวขึ้นทุวัน เนื่อจากว่ามีเหตุผลหลายๆ อย่างเข้ามาประกอบ ทำให้ผู้คนต่างก็เริ่มจะเปลี่ยนวิถีชีวิตความเป็นอยู่จากเดิมออกไป โดยเฉพาะในช่วงของปีนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างที่ดูเหมือนกับจะเริ่มต้นมาดี  แต่มันก็ต้องหยุดลงเพราะว่ามีเรื่องของโรคระบาดเข้ามาเกี่ยวข้อง ไวรัสโคโรน่า หรือ COVID-19 เป็นไวรัสที่ในตอนนี้เชื่อได้เลยว่าไม่มีใครไม่รู้จัก เพราะมันกำลังเป็นที่พูดถึงและเป็นสิ่งที่น่ากลัวที่สุดในเวลานี้เลยก็ว่าได้

จากการที่ได้เกิดโรคระบาดขึ้นมานั้นก็ได้มีนักทฤษฏีสมคบคิดมากมายออกพูดถึงเรื่องนี้กันเป็นจำนวนมาก และหนึ่งเรื่องที่มีนักทฤษฏีสมคบคิดออกมาพูดถึงก็คือ บุคคลหรือกลุ่มคนที่ไม่รู้จักบางคนสร้าง COVID-19 ขึ้นมาจาก HIV ในส่วนของทฤษฏีสมคบคิดที่ว่านี้มันได้ถูกเสนอโดยนักวิจัยชาวอิเดีย โดยที่นักวิจัยชาวอินเดียดังกล่าวได้ระบุว่าไวรัส COVID-19 

มันมีความคล้ายคลึงกับไวรัส  HIV 1 ที่ได้เริ่มติดต่อสู่มนุษย์ครั้งแรกเมื่อประมาณปี 1930 ซึ่งเป็นเชื่อไวรัสที่มีลักษณะทางพันธุกรรมที่ใกล้เคียงกับไวรัสก่อโรคในลิง โดยพวกเขายังได้บอกอีกว่าด้วยความคล้ายคลึงระหว่าง COVID-19 กับ HIV 1 สิ่งนี้ถือว่าเป็นหลักฐานสำคัญ และมันก็น่าจะเพียงพอที่จะช่วยพิสูจน์ได้ว่า มีคนดัดแปลง HIV

เพื่อที่จะสร้างไวรัสตัวใหม่นี้ขึ้นมา พวกเขาได้มีการเขียนงานวิจัยเกี่ยวกับเรื่องนี้ ลงในเว็ปไซต์ที่มีชื่อว่า Biorxiv ที่ก่อตั้งโดยห้องปฏิบัติการ Cold Spring Harbor ซึ่งทำหน้าที่ในการรวบรวมงานวิจัยในสาขาชีวะวิทยาของนักวิจยจากทั่วโลกก่อนที่จะได้รับการตีพิมพ์ในวารสารวิชาการต่างๆ ทว่ากลุ่มนักวิจัยชาวอินเดียไม่ได้พูดภึงชื่อของผู้ที่อยู่เบื้องหลัง

ดังนั้นจึงไม่มีใครทราบถึงผู้ที่สร้าง  COVID-19 ขึ้นมา อย่างไรก็ตามงานวิจัยดังกล่าวก็ได้ทำให้เกิดการถกเถียงกันอย่างรุนแรง ก่อนที่กลุ่มนักวิจัยชาวอินเดียจะเก็บคืนงานวิจยดังกล่าวนี้กลับไป แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม สถานะการณ์การแพร่กระบาดของไวรัส  COVID-19 ในต้องนี้ไม่ใช่สิ่งที่สำคัญว่าใครจะเป็นคนสร้างมันขึ้นมา

หรือไม่อย่างไร แต่สิ่งที่เราควรจะสนใจเลยก็คือทำอย่างไร ให้มียามารักษาครที่กำลังป่วย จะทำอย่างไรไม่ใคห้คนที่ไม่ติดเชื้อยังไม่ติดเชื้อต่อไป จะทำอย่างไรในทุกคนในประอยู่รอดได้ในสถานะการณ์ที่เราเองก็ยังนึกไม่ออกว่า วันพรุ่งนี้มันจะเป็นอย่างไร เราจะยังมีชีวิตอยู่บนโลกนี้หรือไม่

สุดท้ายแล้วใครจะสร้างตอนนี้เวลานี้ไม่ใช่เรื่องสำคัญ  สิ่งที่สำคัญกว่าเมื่อไหร่โรคนี้จะหายไป แต่เราเชื่อว่าถ้าทุกคนรวมมือกันรับรอง ได้เลยว่าต่อให้โรคนี้มันจะร้ายแรงแค่ไหนเราก็จะผ่านไปได้อย่างแน่นอน

 

สนับสนุนโดย    แทงหวยฮานอย

เชื้อไวรัสเป็นสิ่งมีชีวิตหรือไม่

โลกของเรานั้นได้ถือกำเนิดเกิดขึ้นมาเมื่อนานมากแล้ว มันมีสิ่งมีชีวิตต่างๆ เกิดมาก็หลายยุคด้วยกัน สิ่งมีชีวิตนั้น สามารถขยาดพันธุ์ได้ สามารถที่จะดำรงชีวิตด้วยตัวเองได้เช่นเดียวกัน

และในปัจจุบันนี้ด้วยความพัมนาก้าวหน้าของเทคโนโคลยีทางวิทยาศาสตร์ มันสามารถทำให้เรารู้ว่ามันมีสิ่งมีชีวิตที่เล็กมากๆ จนเรามองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ซึ่งแน่นอนว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่แปลกใหม่สำหรับในยุคปัจจุบันนี้แล้ว เพราะเรื่องนี้ก็ถือว่าเป็นทีหลายๆ คนก็รู้ดี

อย่างที่เราได้มีการกล่าวไปแล้วตอนต้นว่า วิทยาศาสตร์ทำให้เราได้รู้ว่ามันมีสิ่งมีชีวิตขนาดที่เล็กมากๆ จนเราไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า แต่ในวันนี้เราไม่ได้จะมาพูดถึงการมองเห็นหรือว่าไม่เห็นหรอกนะ แต่เรื่องที่เราจะมาพูดกันนั้นก็คือ เชื้อไวรัสเป็นสิ่งมีชีวิตหรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้ก็ได้มีการพถกเถียงกันเกี่ยวกับเรื่องนี้มาก่อนอยู่แล้ว

ว่าเชื้อไวรัสเป็นสิ่งมีชีวิตหรือไม่มีชีวิตกันแน่ และล่าสุดนักวิทยาศาสตร์ก็ได้ออกมาบอกเป็นที่เรียบร้อยแล้วว่ามีชีวิตหรือไม่ สถานะของเชื้อไวรัสในโลกของเรานี้ นักวิทยาศาสตร์ยังเป็นที่คลุมเครือกันอยู่ เนื่องจากว่าพวกเขานั้นยังไม่ยากรับรองให้มันเป็นสิ่งมีชีวิตโดยที่ในตอนแรกพวกมันได้มีการรับรองให้เป็นเพียงแค่เศษ DNA ที่มีหน้าที่รุกรานสิ่งมีชีวิตเท่านั้น

โดย เชื้อไวรัสที่มีขนาดใหญ่ที่สุดอย่าง ไจแอนทืไวรัสได้ทำให้ เส้นแบ่งระหว่างการจำกัดความมีชีวิตของไวรัสเจือจางลง แต่อย่างไรก็ตามผลงานวิจัยล่าสุดได้ย้ำเตือนให้เรารู้ว่า มันยังไม่ได้มีการรับรองให้เป็นสิ่งมีชีวิตแต่อย่างไร โดยทีมนักวิทยาศาสตร์ได้เลือกที่จะศึกษาจากเชื้อไจแอนท์ไวรัสขนาดใหญ่ 4 ชนิด ด้วยกัน

แล้วพบว่าพวกมันยังไม่ได้มีวิวัฒนาการ พัฒนาจีจีโนมของตัวเอง  และโครงสร้างของมันนั้นได้มาจากการขโมยส่วนประกอบเซลล์ของเจ้าบ้านเช่น คน หรือว่าสัตว์ และจากการสำรวจเชื้อสายของเชื้อพวกนี้ พวกเขาก็ค้นพบว่าไวรัสชนิดหนึ่ง มันสามรถสร้างยีนส์ขึ้นมาใหม่ได้ด้วยตัวเอง แล้วก็ยังสามารถสร้างเเอนไวม์ที่มีฤทธิ์สัมพันธ์กับการทำงานของกรดอะมิโนถึง 19 ชนิด

ซึ่งรากฐานของการสร้างโปรตีน ในส่วนของคุรสมบัติที่เราเอาไว้จำแนกสิ่งมีชีวิตนั้นก็คือ คุณสมบัติในการสร้างโปรตีนนั้นเอง  ซึ่งไวรัสจำนวนมากยังไมาสามารถที่จะทำ สิ่งนี้ได้ พวกมันจึงจำเป็นที่จะต้องบุรุกเซลล์เจ้าบ้าน แล้วก็ใช้พวกมันในการสร้างฐานโปรตีน

แต่ว่าเจ้า      ไจแอท์ไวรัส สามารถทำสิ่งนี้ได้ นักวิทยาศาสตร์ก็เลยพยายามที่จะจำกัดความให้พวกมันกลายเป็นสิ่งมีชีวิตให้ได้นั้นเอง ถึงแม้ว่าเรื่องนี้จะเข้าใจยากเล็กน้อย แต่มันก็เป็นเรื่องที่ดี ที่เราควรศึกษา

 

 

ขอบคุณ  hiallbet  ที่ให้การสนับสนุน

น้ำพลาสมา

เลือดเป็นสิ่งที่มีอยู่ในร่างกายของเรา มันเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ เพราะถ้าหากว่าร่างกายของเราเกิดอุบัติเหตุขึ้นแล้วร่างกายเสียเหลือดมากๆ และถ้าหากไม่ได้ไม่ได้รับเลือดเพียงที่จะมาทดแทนเลือดเก่าที่เสียไป นั้นก็อาจจะหมายถึงชีวิตก็เป็นได้ เลือดเป็นสิ่งที่ไหลเวียนอยู่ทั่วร่างกายของเรา โดยที่เส้นเลือดจะเป็นตัวกำหนดว่าเลือดแดงต้องไหลผ่านส่วนไหน

เลือดดำต้องไหลผ่านที่ส่วนไหนของร่างกายเรา เมื่อพูดถึงเลือดจะไม่พูดถึงพลาสมาก็คงจะไม่ได้ เพราะมันก็สำคัญไม่น้อยไปกว่าเลือดเลย แต่ในวันนี้เราไม่ได้จะมาพูดเกี่ยวกับเรื่องของเลือดหรอกนะ เพราะเรื่องที่เราจะพุดถึงนั้นก็คือเรื่องของ น้ำพลาสมา นั้นเอง

Gliese 1214b มันเป็นหนึ่งในดาวเคราะห์ที่ประหลาดเอามากๆ  ดวงหนึ่ง มันมีขนาดที่ใหญ่กว่าโลกถึง 6 เท่า ซึ่งมันเป็นดาวเคราะห์ที่เต็มไปด้วยน้ำ รวมถึงน้ำพลาสมาที่เรากำลังจะพูดถึงต่อไปนี้ นั้นก็คือน้ำ    ที่มันอยู่ในสถานะของพลาสมา  สสารที่อยู่ในสถานะพลาสมามันมีลักษณะที่คล้ายกับก๊าซ มันมีความหนาแน่ที่ต่ำ ไม่มีรูปร่าง หรือปริมาณที่แน่นอน

เช่นเดียวกันกับสถานะของก๊าซ อย่างไรก็ตามสถานะพลาสมานั้นจะแตกต่างจากสถานะก๊าซ เนื่องด้วยจากว่าอะตอมของสสารได้แยกอิเล็กตรอนออก และนิวเคลียสที่มีประจุบวก จะเคลือนที่ได้อย่างอิสระ และนี้ก็คือเหตุผลที่นักวิทยาศาสตร์บางคน กำลังที่พิจารณาพลาสมาในเวอร์ชั่นก๊าซที่มีประจุของไฟฟ้า  กลับไปที่ Gliese 1214b ดาวเคราะห์ดวงนี้อยู่ใกล้กับดาวฤกษ์ของมันมากกว่าโลกถึง 70 เท่า

ซึ่งระยะเวลาหนึ่งปี ในการที่ Gliese 1214b โคจรรอบดาวฤกษ์ของมมันครบหนึ่งรอบ ตามระยะเวลาเพียง 38 ชั่วโมง โดยที่อุณหภูมิในตอนกลางวันของมันบน Gliese 1214b นั้นอาจจะสูงถึง 282 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นอุณหภูมิที่ร้ายเกินไปสำหรับสิ่งมีชีวิต  ที่จะสามารถอาศัยอยู่ได้ ด้ายความใกล้ชิดของ Gliese 1214b

สิ่งนี้ก็คือเหตุผลที่ว่าน้ำบนดาวดวงนี้อาจจะมีอยู่ในรูปของพลาสมา โดยที่อุณหภูมิที่สูงมาจากดาวฤกษ์ และแรงดันที่สูงของดาวเคราะห์ จะทำให้น้ำ เกิดความร้ายและบีบอัดจนมันกลายเป็นพลาสมา ซึ่งน้ำพลาสมาก็ถือว่าเป็นรูปแบบหนึ่งของน้ำเหนือวิฤกตอีกด้วย

สุดท้ายนี้ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นเหล่านี้ เป็นสิ่งที่น่าตื่นเต้นที่ธรรมชาติได้สร้างขึ้นมาเพื่อให้เราได้ศึกษาและได้เรียนรู้สิ่งต่าง ที่อยู่นอกเหนือจากบนโลกของเรา และสิ่งที่เราได้กล่าวไปข้างต้นนั้นอาจจะดุไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดขึ้นจริง แต่มันก็ทำให้ได้เห็นว่ามันได้เกิดขึ้นแล้ว

 

สนับสนุนโดย    alpha88

ถูกกลืนกินโดยหลุมดำ

โลกของเรานั้นได้ถือกำเนิดเกิดขึ้นมาเป็นเวลานานมากแล้ว ตั้งแต่เมื่อ 4.5 พันล้านปีผ่านมาแล้ว แน่นอนว่าโลกของเราในอดีตนั้นไม่ได้มีหน้าตาแบบนี้  และสิ่งมีชวิตที่เคยอาศัยอยู่บนโลกของเรามาก่อน    ก็ไม่ใช่แบบนี้เช่นเดียวกัน อย่างที่จะมาเป็นใยยุคของมนุษย์อย่างเรานั้นก้มียุที่เกิดก่อนหน้าเรานั้นก็คือยุคของไดโนเสาร์นั้นเอง

แต่มันก็ได้สูญพันธ์ไป  และได้ถือกำเนิดสิ่งมีชีวิตใหม่ขึ้นมา และก็ไม่แน่ว่าสักวันหนึ่งมนุษย์อย่างเราๆ ก็อาจจะต้องมีเหตุให้สุญพันธ์เหมือนกับไดโนเสาร์ก็เป็นได้ แต่สาเหตุนั้นจะเป็นอะไรเราก็ไม่อาจจะบอกได้เช่นเดียวกัน

หลุมดำ เป็นวัตถุที่อยู่นอกโลกของเรา ซึ่งหลายๆ คนก็อาจจะเคยได้ยินกันมาบางแล้ว และก็มีอีกคลายคนที่ไม่เคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับพวกนี้มาก่อนเลย ถึงแม้ว่าจะไม่ได้มีองค์กรใดที่จะสร้างหลุมดำในทางช้างเผือกขึ้นมา แต่ก็เป็นความเป็นไปได้ที่ว่าโลกของเรา  นั้นจะถูกกลืนกินโดยหลุมดำ ซึ่งหลุมดำที่ว่านี้ก็หมายถึง ความเข้มข้นของมวลที่มากพอ

ที่แรงโน้มถ่วงจะป้องกันไม่ให้สิ่งใดที่มันดูดกลืนเข้าไปหลุดรอดออกมาได้ แม้กระทั้งแสงที่มีความเร็วมากที่สุดก็ตาม  มีกลายสิ่งในอวกาศที่สามารถทำให้เกิดหลุมดำได้ ยกตัวอย่างเช่น หนึ่งในดาวฤกษ์ของระบบ Eta Carinaen ซึ่งเป็นดาวฤกษ์ที่อยู่ใกล้กับซูปเปอร์โนวา และมันอาจจะเป็นไปได้ว่ามันได้ระเบิดไปแล้ว

และได้ทำให้เกิดหลุมดำขึ้นมา แต่ภาพของเหตุการณ์ดังกล่าวยังคงอยู่ห่างไกลออกไปหลายปีแสง  เมื่อดาวฤกษ์เกิดการระเบิดหรือหายไปนั้นแกนกลางของมัน    ก็จะเกิดการยุบตัวลง และกลายเป็นดาวนอวตรอนหรือหลุมดำ โดยที่นักวิทยาศาสตร์บางคนอ้างว่าหากหลุมดำก่อตัวขึ้นมันจะกลืนกินระบบ  Eta Carinaen เข้าไปทั้งระบบ เหมือนกันทั้งหมดมันเป็นไปได้ที่หลุมดำจะเกิดขึ้นแม้ว่าจะใช้เวลานานที่หลุมดำจะเกิดขึ้นได้

ในระบบสุริยะของเรา และถ้าหากว่ามันเกิดขึ้นจริง ดวงอาทิตย์และดาวเคราะห์ทั้งหมด  ก็น่าจะถูกแยกออกจากกัน หรือไม่อย่างนั้นก็อาจจะถูกกลืนกินเข้าไปทั้งหมดก็เป็นไปได้ ใครจะไปรู้ อย่างไรก็ตามเรื่องราวต่างๆ ที่เกี่ยวกับหลุมดำที่เกิดขึ้นมากมายอยู่บนอวกาศนั้นมีเรื่องราวต่างๆ ที่เรายังไม่รู้เกี่ยวกับมัน และโลกของเรานั้นก็สามารถที่จะหายไปได้

ถ้ามีหลุมดำเคลื่อนตัวเขามาใกล้เราและมันก็คงจะเป็นวันสุดท้ายที่จะมีสิ่งมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ แต่ก็ใช่ว่าหลุมดำจะเป็นสาเหตุเดียวที่ทำให้มนุษย์เราสูญพันธ์ เพราะนอกจากหลุมดำแล้ววัตถุที่อยู่นอกโลกอื่นๆ ก็สามารถทำให้เรา        สูญพันธ์ได้่เช่นเดียวกัน ถ้าหากว่ามันพุ้งตรงมายังโลกของเราและชนเข้าอย่างรุนแรง

 

 

สนับสนุนโดย  sa casino ฟรี300