การสื่อสารผ่านราก

การสื่อสารผ่านราก

อย่างที่เราก็รู้ๆ กันดีว่ามนุษย์นั้นไม่ใช่สิ่งมีชีวิต สิ่งเดียวบนโลกใบนี้ แต่มันยังมีอีกหลายสิ่งหลายมากมาย แม้แต่พืชชนิดต่างๆ ก็เป็นสิ่งมีชีวิตเช่นเดียว  สำหรับพืชถือได้ว่าเป็นสิ่งสำคัญต่อมนุษย์อย่างเราๆ ไม่แพ้น้ำและสารอาหารเลย และแน่นอนว่าว่าพืชไม่ใช่แค่เป็นสิ้่งที่เรานำมาทำอาหาร และใช้ตกแต่งเพียงเท่านั้น แต่มันยังคงมีความลับที่ซ้อนเอาไว้อยู่ เช่นเดียวกับสิ่งต่างๆ บนโลกนี้ ที่บางเรื่องเราก็ไม่สามารถที่จะรู้ได้ว่าแท้ที่จริงแล้วมันเป็นยังไงกันแน่

ต้นไม้ที่เราเห็นกันเป็นปกติในชีวิตประจำวันของเรา  เมื่อมองจากสายตาแรกแล้วนั้นมันก็ดูจะคล้ายๆ กันไปหมดไม่ได้มีอะไรที่โดดเด่นเป็นพิเศษ กิ่งอ่อนๆ ที่พัดไปตามสายลม สัตว์ป่าที่ทำรังอยู่บนนั้น ดังนั้นคุณจงอาจจะต้องแปลกใจนิดหน่อย ถ้าต้นไม้ที่ดูแสนจะธรรมดาเหล่านี้ มันกำลังมีการสนทนากันข้างใต้พื้นดินที่เรากำลังเหยียบอยู่ 

นักวิจัยได้มีการค้นพบว่าพืชมีความสามาถในการสื่อสารระหว่างกันได้ ผ่านเครือข่ายของรากที่อยู่ใต้ดิน ซึ่งประกอบด้วยเชื้อรา เครือข่ายของรากที่เต็มไปด้วยเชื้อรานี้จะทำหน้าที่ได้หลากหลาย ซึ่งหนึ่งในการศึกษา ได้มีการพบว่าพืชตระกูลมะเขือเทศ สามารถใช้เชื่อราเพื่อเตือนกันและกันถึงการทำลายของเชื้อโรคที่เป็นอันตราย และการศึกษาอีกข้อหนึ่งพบว่าต้นไม้ที่มีการเชื่อมต่อผ่าเครือข่ายของรากผ่านเชื้อรานั้น

จะสามารถถ่ายโอนสารอาหารออกไปให้กันต้นไม้ต้นอื่นๆ ที่มีการเชื่อมต่อเครือข่ายอยู่ได้ นักนิเวศวิทยาค้นหนึ่งได้ค้นพบหลักฐานเกี่ยวกับเรื่องนี้เมื่อปี 1997 ซึ่งเธอเชื่อว่าต้นไม่ใหญ่จะมีการโอนสารอาหารไปยังต้นกล้าต้นเล็กๆ  เพื่อช่วยให้พวกมันรอดตาย ไม่เพียงเท่านั้นพืชเหล่านี้ยังสามารถทำลายพืชที่ไม่พึงประสงค์ได้อีกด้วย 

โดยการที่พวกมันจะทำการแพร่กระจายสารพิษผ่านเชื้อรา และเห็ดพิษ นอกจากต้นไม้จะสามารถส่งข้อความและแบ่งปันทรัพยากรได้แล้ว พวกมันยังสามารถที่จะแพร่กระจายไวรัส ซึ่งจะคล้ายกับว่าในโลกของพืชนั้นมีการใช้ระบบอินเตอร์มาก่อนมนุษย์อย่างเราๆ อีกนะเนี่ย แน่นอนว่าเมื่อคุรได้ยินเรื่งราวเหล่านี้ในตอนแรกคุณก็คงจะไม่เชื่อ

  แต่ว่าเรื่องที่เราได้กล่าวมาทั้งหมดนั้นก็เป็นเรื่องที่ไม่สามารถปฏิเสธได้เลยว่ามันเป็นเรื่องที่น่าทึ้งเอามากๆ  เรื่องหนึ่ง เพราะเอาเองก็ไม่รู้มาก่อนว่าพืชต่างๆ หรือต้นมีที่เราเห็นกันในทุกๆ  วันจะมีอะไรที่น่าเหลือเชื่อที่พวกมันทำกันได้แบบนี้ อย่างไรก็ตามเรื่องราวต่างๆ ที่เกี่ยวเรื่องพืชและต้นไม้ยังมีอะไรให้เรา ได้ศึกษากันอีกมากมาย ไม่ใช่มีเพียงเรื่องนี้เรื่องเดียวเท่านั้น

 

สนับสนุนโดย  เว็บพนันต่างประเทศ ถูกกฎหมาย

คุณสามารถมองเห็น Area 51บน Google Meps ได้

แน่นอนว่าการเดินทางไปในสถานที่ ที่เราไม่คุ้นเคยมันก็อาจจะมีหลงทางกันบ้าง ซึ่งในอดีตตัวช่วยของเราก็จะเป็นแผนที่  ที่เป็นแผ่นกระดาษ แต่ในปัจจุบันนี้เทคโนโลยีต่างๆ ก็ก้าวหน้าไปมากแล้ว มันจึงได้  มีเทคโนโลยีเพื่อที่จะมาใช้นำทางเราได้ซึ่งเราก็เรียกมันว่า GPS นั้น แต่ในวันนี้เราไม่ได้พูดเกี่ยวกับมันหรอกนะ เราจะพูดถึง Google Maps เพราะว่าเราจะใช้มันเพื่อที่จะดูว่าพื้นที่ ที่เรากำลังจะตามหาต่อไปนี้จะปรากฏหรือไม่

Area 51 พพื้นที่แห่งนี้เชื่อว่าหลายๆ คนก็คงจะรู้จัก หรือเคยได้ยินกันมาบ้าง ก่อนอื่นต้องบอกไว้ก่อนเลยว่า พื้นที่แห่งนี้มันถูกสร้างขึ้นมา เมื่อสมัยที่เกิดสงครามเย็น ระหว่างสหรัฐอเมริกา และสหภาพ     โซเวียด ถึงแม้ว่าประชาชนทั่วไปอาจจะไม่รู้ถึงสิ่งใดๆ เกี่ยวกับสิ่งที่อยู่ในพื้นที่  Area 51 ทว่าได้มีบริษัทหนึ่งรู้โครงสร้างทั้งหทดของมันอย่างน้อยก็จากระยะห่างจากดาวเทียม

นั้นก็คือ Google ซึ่งอาจจะเป็นหนึ่งในบริษัทของเอกชนไม่กี่แห่งที่ได้รับการอนุญาติให้ทำแผนที่สถานที่ลับของรัฐบาล และในขณะนี้           คุณก็สามารถที่จะเห็นมันได้ด้วยความละเอียดที่สูง จากการดูผ่าน Google Maps ซึ่งเราก็จะเห็นได้ว่ามันเกิดการเติบโตของพื้นที่ในช่วงเวลาหลายปีที่ผ่ามานี้

และนี้มันก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ทำให้เราค้อนข้างรู้สึกประหลาดใจ ที่ทางรัฐบาลสหรัฐอนุญาติให้  Google ทำได้ และนอกจากนี้ยังมีสิ่งที่  Google จะทำให้คุณประหลาดใจเกี่ยวกับการส่อง Area 51 จากมุมสูง  ซึ่งถ้าหากว่าคุณมีพิกัดในแผนที่ไปที่ 37.24804 กับ-115.888155 และเมื่อคุณเอาเม้าไปลากตัวเรียกดูภาพ Street View ที่มุมล้างขาว คุณก็จะพบว่าจัวชี้ดังกล่าวจะเปลี่ยนจากรูปคนตัวเล็ก กลายไปเป็น UFO

แน่นอนว่าเมื่อทำแบบนี้แล้วก็ก้สามารถที่จะมองเห็นพื้นที่ ที่เป็นของ  Area 51 ทั้งหมด แล้วก็ต้องแปลกใจเข้าไปอีกกับความกว้างใหญ่ของพื้นที่ในบริเวณนี้  Area 51 ถือว่าเป็นพื้นที่ทางทหารที่มีความลึกลับซับซ้อนเป็นอย่างมาก นั้นก้เพราะว่ามันมีเรื่องของมนุษย์ต่างดาวเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยยังไงละ

และความน่ตกใจเกี่ยวกับ Area 51 อีกเรื่องหนึ่งก็คือ พื้นที่ในบริเวณนี้มันยังคงมีการขนายตัวอย่างต่อเนื่องเมื่อหลายปีที่ผ่านมานี้ ซึ่งเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ก็ได้มีนักทฤษฏีสมคบคิดต่างๆ ออกมาแสดงความคิดเห็นและพูดถึงกันไม่น้อยเลยที่เดียว เกี่ยวกับการขยายตัวของมัน อย่างไรก็ตามสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นภายพื้นที่  บริเวณนี้ เราไม่สามารถที่จะรู้ได้เลยว่ามันคืออะไรกัน  ก็ทำได้เพียงแค่สงสัย และอ่านข้อมูลผ่านทางอิเตอร์เน็นเท่านั้น

 

สนับสนุนโดย    เทคนิคการเล่นหวยให้ได้กำไร

สร้าง COVID-19 ขึ้นมาจาก HIV

โลกของเราในยุคสมัยนี้น่ากลัวขึ้นทุวัน เนื่อจากว่ามีเหตุผลหลายๆ อย่างเข้ามาประกอบ ทำให้ผู้คนต่างก็เริ่มจะเปลี่ยนวิถีชีวิตความเป็นอยู่จากเดิมออกไป โดยเฉพาะในช่วงของปีนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างที่ดูเหมือนกับจะเริ่มต้นมาดี  แต่มันก็ต้องหยุดลงเพราะว่ามีเรื่องของโรคระบาดเข้ามาเกี่ยวข้อง ไวรัสโคโรน่า หรือ COVID-19 เป็นไวรัสที่ในตอนนี้เชื่อได้เลยว่าไม่มีใครไม่รู้จัก เพราะมันกำลังเป็นที่พูดถึงและเป็นสิ่งที่น่ากลัวที่สุดในเวลานี้เลยก็ว่าได้

จากการที่ได้เกิดโรคระบาดขึ้นมานั้นก็ได้มีนักทฤษฏีสมคบคิดมากมายออกพูดถึงเรื่องนี้กันเป็นจำนวนมาก และหนึ่งเรื่องที่มีนักทฤษฏีสมคบคิดออกมาพูดถึงก็คือ บุคคลหรือกลุ่มคนที่ไม่รู้จักบางคนสร้าง COVID-19 ขึ้นมาจาก HIV ในส่วนของทฤษฏีสมคบคิดที่ว่านี้มันได้ถูกเสนอโดยนักวิจัยชาวอิเดีย โดยที่นักวิจัยชาวอินเดียดังกล่าวได้ระบุว่าไวรัส COVID-19 

มันมีความคล้ายคลึงกับไวรัส  HIV 1 ที่ได้เริ่มติดต่อสู่มนุษย์ครั้งแรกเมื่อประมาณปี 1930 ซึ่งเป็นเชื่อไวรัสที่มีลักษณะทางพันธุกรรมที่ใกล้เคียงกับไวรัสก่อโรคในลิง โดยพวกเขายังได้บอกอีกว่าด้วยความคล้ายคลึงระหว่าง COVID-19 กับ HIV 1 สิ่งนี้ถือว่าเป็นหลักฐานสำคัญ และมันก็น่าจะเพียงพอที่จะช่วยพิสูจน์ได้ว่า มีคนดัดแปลง HIV

เพื่อที่จะสร้างไวรัสตัวใหม่นี้ขึ้นมา พวกเขาได้มีการเขียนงานวิจัยเกี่ยวกับเรื่องนี้ ลงในเว็ปไซต์ที่มีชื่อว่า Biorxiv ที่ก่อตั้งโดยห้องปฏิบัติการ Cold Spring Harbor ซึ่งทำหน้าที่ในการรวบรวมงานวิจัยในสาขาชีวะวิทยาของนักวิจยจากทั่วโลกก่อนที่จะได้รับการตีพิมพ์ในวารสารวิชาการต่างๆ ทว่ากลุ่มนักวิจัยชาวอินเดียไม่ได้พูดภึงชื่อของผู้ที่อยู่เบื้องหลัง

ดังนั้นจึงไม่มีใครทราบถึงผู้ที่สร้าง  COVID-19 ขึ้นมา อย่างไรก็ตามงานวิจัยดังกล่าวก็ได้ทำให้เกิดการถกเถียงกันอย่างรุนแรง ก่อนที่กลุ่มนักวิจัยชาวอินเดียจะเก็บคืนงานวิจยดังกล่าวนี้กลับไป แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม สถานะการณ์การแพร่กระบาดของไวรัส  COVID-19 ในต้องนี้ไม่ใช่สิ่งที่สำคัญว่าใครจะเป็นคนสร้างมันขึ้นมา

หรือไม่อย่างไร แต่สิ่งที่เราควรจะสนใจเลยก็คือทำอย่างไร ให้มียามารักษาครที่กำลังป่วย จะทำอย่างไรไม่ใคห้คนที่ไม่ติดเชื้อยังไม่ติดเชื้อต่อไป จะทำอย่างไรในทุกคนในประอยู่รอดได้ในสถานะการณ์ที่เราเองก็ยังนึกไม่ออกว่า วันพรุ่งนี้มันจะเป็นอย่างไร เราจะยังมีชีวิตอยู่บนโลกนี้หรือไม่

สุดท้ายแล้วใครจะสร้างตอนนี้เวลานี้ไม่ใช่เรื่องสำคัญ  สิ่งที่สำคัญกว่าเมื่อไหร่โรคนี้จะหายไป แต่เราเชื่อว่าถ้าทุกคนรวมมือกันรับรอง ได้เลยว่าต่อให้โรคนี้มันจะร้ายแรงแค่ไหนเราก็จะผ่านไปได้อย่างแน่นอน

 

สนับสนุนโดย    แทงหวยฮานอย

เชื้อไวรัสเป็นสิ่งมีชีวิตหรือไม่

โลกของเรานั้นได้ถือกำเนิดเกิดขึ้นมาเมื่อนานมากแล้ว มันมีสิ่งมีชีวิตต่างๆ เกิดมาก็หลายยุคด้วยกัน สิ่งมีชีวิตนั้น สามารถขยาดพันธุ์ได้ สามารถที่จะดำรงชีวิตด้วยตัวเองได้เช่นเดียวกัน

และในปัจจุบันนี้ด้วยความพัมนาก้าวหน้าของเทคโนโคลยีทางวิทยาศาสตร์ มันสามารถทำให้เรารู้ว่ามันมีสิ่งมีชีวิตที่เล็กมากๆ จนเรามองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ซึ่งแน่นอนว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่แปลกใหม่สำหรับในยุคปัจจุบันนี้แล้ว เพราะเรื่องนี้ก็ถือว่าเป็นทีหลายๆ คนก็รู้ดี

อย่างที่เราได้มีการกล่าวไปแล้วตอนต้นว่า วิทยาศาสตร์ทำให้เราได้รู้ว่ามันมีสิ่งมีชีวิตขนาดที่เล็กมากๆ จนเราไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า แต่ในวันนี้เราไม่ได้จะมาพูดถึงการมองเห็นหรือว่าไม่เห็นหรอกนะ แต่เรื่องที่เราจะมาพูดกันนั้นก็คือ เชื้อไวรัสเป็นสิ่งมีชีวิตหรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้ก็ได้มีการพถกเถียงกันเกี่ยวกับเรื่องนี้มาก่อนอยู่แล้ว

ว่าเชื้อไวรัสเป็นสิ่งมีชีวิตหรือไม่มีชีวิตกันแน่ และล่าสุดนักวิทยาศาสตร์ก็ได้ออกมาบอกเป็นที่เรียบร้อยแล้วว่ามีชีวิตหรือไม่ สถานะของเชื้อไวรัสในโลกของเรานี้ นักวิทยาศาสตร์ยังเป็นที่คลุมเครือกันอยู่ เนื่องจากว่าพวกเขานั้นยังไม่ยากรับรองให้มันเป็นสิ่งมีชีวิตโดยที่ในตอนแรกพวกมันได้มีการรับรองให้เป็นเพียงแค่เศษ DNA ที่มีหน้าที่รุกรานสิ่งมีชีวิตเท่านั้น

โดย เชื้อไวรัสที่มีขนาดใหญ่ที่สุดอย่าง ไจแอนทืไวรัสได้ทำให้ เส้นแบ่งระหว่างการจำกัดความมีชีวิตของไวรัสเจือจางลง แต่อย่างไรก็ตามผลงานวิจัยล่าสุดได้ย้ำเตือนให้เรารู้ว่า มันยังไม่ได้มีการรับรองให้เป็นสิ่งมีชีวิตแต่อย่างไร โดยทีมนักวิทยาศาสตร์ได้เลือกที่จะศึกษาจากเชื้อไจแอนท์ไวรัสขนาดใหญ่ 4 ชนิด ด้วยกัน

แล้วพบว่าพวกมันยังไม่ได้มีวิวัฒนาการ พัฒนาจีจีโนมของตัวเอง  และโครงสร้างของมันนั้นได้มาจากการขโมยส่วนประกอบเซลล์ของเจ้าบ้านเช่น คน หรือว่าสัตว์ และจากการสำรวจเชื้อสายของเชื้อพวกนี้ พวกเขาก็ค้นพบว่าไวรัสชนิดหนึ่ง มันสามรถสร้างยีนส์ขึ้นมาใหม่ได้ด้วยตัวเอง แล้วก็ยังสามารถสร้างเเอนไวม์ที่มีฤทธิ์สัมพันธ์กับการทำงานของกรดอะมิโนถึง 19 ชนิด

ซึ่งรากฐานของการสร้างโปรตีน ในส่วนของคุรสมบัติที่เราเอาไว้จำแนกสิ่งมีชีวิตนั้นก็คือ คุณสมบัติในการสร้างโปรตีนนั้นเอง  ซึ่งไวรัสจำนวนมากยังไมาสามารถที่จะทำ สิ่งนี้ได้ พวกมันจึงจำเป็นที่จะต้องบุรุกเซลล์เจ้าบ้าน แล้วก็ใช้พวกมันในการสร้างฐานโปรตีน

แต่ว่าเจ้า      ไจแอท์ไวรัส สามารถทำสิ่งนี้ได้ นักวิทยาศาสตร์ก็เลยพยายามที่จะจำกัดความให้พวกมันกลายเป็นสิ่งมีชีวิตให้ได้นั้นเอง ถึงแม้ว่าเรื่องนี้จะเข้าใจยากเล็กน้อย แต่มันก็เป็นเรื่องที่ดี ที่เราควรศึกษา

 

 

ขอบคุณ  hiallbet  ที่ให้การสนับสนุน

น้ำพลาสมา

เลือดเป็นสิ่งที่มีอยู่ในร่างกายของเรา มันเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ เพราะถ้าหากว่าร่างกายของเราเกิดอุบัติเหตุขึ้นแล้วร่างกายเสียเหลือดมากๆ และถ้าหากไม่ได้ไม่ได้รับเลือดเพียงที่จะมาทดแทนเลือดเก่าที่เสียไป นั้นก็อาจจะหมายถึงชีวิตก็เป็นได้ เลือดเป็นสิ่งที่ไหลเวียนอยู่ทั่วร่างกายของเรา โดยที่เส้นเลือดจะเป็นตัวกำหนดว่าเลือดแดงต้องไหลผ่านส่วนไหน

เลือดดำต้องไหลผ่านที่ส่วนไหนของร่างกายเรา เมื่อพูดถึงเลือดจะไม่พูดถึงพลาสมาก็คงจะไม่ได้ เพราะมันก็สำคัญไม่น้อยไปกว่าเลือดเลย แต่ในวันนี้เราไม่ได้จะมาพูดเกี่ยวกับเรื่องของเลือดหรอกนะ เพราะเรื่องที่เราจะพุดถึงนั้นก็คือเรื่องของ น้ำพลาสมา นั้นเอง

Gliese 1214b มันเป็นหนึ่งในดาวเคราะห์ที่ประหลาดเอามากๆ  ดวงหนึ่ง มันมีขนาดที่ใหญ่กว่าโลกถึง 6 เท่า ซึ่งมันเป็นดาวเคราะห์ที่เต็มไปด้วยน้ำ รวมถึงน้ำพลาสมาที่เรากำลังจะพูดถึงต่อไปนี้ นั้นก็คือน้ำ    ที่มันอยู่ในสถานะของพลาสมา  สสารที่อยู่ในสถานะพลาสมามันมีลักษณะที่คล้ายกับก๊าซ มันมีความหนาแน่ที่ต่ำ ไม่มีรูปร่าง หรือปริมาณที่แน่นอน

เช่นเดียวกันกับสถานะของก๊าซ อย่างไรก็ตามสถานะพลาสมานั้นจะแตกต่างจากสถานะก๊าซ เนื่องด้วยจากว่าอะตอมของสสารได้แยกอิเล็กตรอนออก และนิวเคลียสที่มีประจุบวก จะเคลือนที่ได้อย่างอิสระ และนี้ก็คือเหตุผลที่นักวิทยาศาสตร์บางคน กำลังที่พิจารณาพลาสมาในเวอร์ชั่นก๊าซที่มีประจุของไฟฟ้า  กลับไปที่ Gliese 1214b ดาวเคราะห์ดวงนี้อยู่ใกล้กับดาวฤกษ์ของมันมากกว่าโลกถึง 70 เท่า

ซึ่งระยะเวลาหนึ่งปี ในการที่ Gliese 1214b โคจรรอบดาวฤกษ์ของมมันครบหนึ่งรอบ ตามระยะเวลาเพียง 38 ชั่วโมง โดยที่อุณหภูมิในตอนกลางวันของมันบน Gliese 1214b นั้นอาจจะสูงถึง 282 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นอุณหภูมิที่ร้ายเกินไปสำหรับสิ่งมีชีวิต  ที่จะสามารถอาศัยอยู่ได้ ด้ายความใกล้ชิดของ Gliese 1214b

สิ่งนี้ก็คือเหตุผลที่ว่าน้ำบนดาวดวงนี้อาจจะมีอยู่ในรูปของพลาสมา โดยที่อุณหภูมิที่สูงมาจากดาวฤกษ์ และแรงดันที่สูงของดาวเคราะห์ จะทำให้น้ำ เกิดความร้ายและบีบอัดจนมันกลายเป็นพลาสมา ซึ่งน้ำพลาสมาก็ถือว่าเป็นรูปแบบหนึ่งของน้ำเหนือวิฤกตอีกด้วย

สุดท้ายนี้ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นเหล่านี้ เป็นสิ่งที่น่าตื่นเต้นที่ธรรมชาติได้สร้างขึ้นมาเพื่อให้เราได้ศึกษาและได้เรียนรู้สิ่งต่าง ที่อยู่นอกเหนือจากบนโลกของเรา และสิ่งที่เราได้กล่าวไปข้างต้นนั้นอาจจะดุไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดขึ้นจริง แต่มันก็ทำให้ได้เห็นว่ามันได้เกิดขึ้นแล้ว

 

สนับสนุนโดย    alpha88

ถูกกลืนกินโดยหลุมดำ

โลกของเรานั้นได้ถือกำเนิดเกิดขึ้นมาเป็นเวลานานมากแล้ว ตั้งแต่เมื่อ 4.5 พันล้านปีผ่านมาแล้ว แน่นอนว่าโลกของเราในอดีตนั้นไม่ได้มีหน้าตาแบบนี้  และสิ่งมีชวิตที่เคยอาศัยอยู่บนโลกของเรามาก่อน    ก็ไม่ใช่แบบนี้เช่นเดียวกัน อย่างที่จะมาเป็นใยยุคของมนุษย์อย่างเรานั้นก้มียุที่เกิดก่อนหน้าเรานั้นก็คือยุคของไดโนเสาร์นั้นเอง

แต่มันก็ได้สูญพันธ์ไป  และได้ถือกำเนิดสิ่งมีชีวิตใหม่ขึ้นมา และก็ไม่แน่ว่าสักวันหนึ่งมนุษย์อย่างเราๆ ก็อาจจะต้องมีเหตุให้สุญพันธ์เหมือนกับไดโนเสาร์ก็เป็นได้ แต่สาเหตุนั้นจะเป็นอะไรเราก็ไม่อาจจะบอกได้เช่นเดียวกัน

หลุมดำ เป็นวัตถุที่อยู่นอกโลกของเรา ซึ่งหลายๆ คนก็อาจจะเคยได้ยินกันมาบางแล้ว และก็มีอีกคลายคนที่ไม่เคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับพวกนี้มาก่อนเลย ถึงแม้ว่าจะไม่ได้มีองค์กรใดที่จะสร้างหลุมดำในทางช้างเผือกขึ้นมา แต่ก็เป็นความเป็นไปได้ที่ว่าโลกของเรา  นั้นจะถูกกลืนกินโดยหลุมดำ ซึ่งหลุมดำที่ว่านี้ก็หมายถึง ความเข้มข้นของมวลที่มากพอ

ที่แรงโน้มถ่วงจะป้องกันไม่ให้สิ่งใดที่มันดูดกลืนเข้าไปหลุดรอดออกมาได้ แม้กระทั้งแสงที่มีความเร็วมากที่สุดก็ตาม  มีกลายสิ่งในอวกาศที่สามารถทำให้เกิดหลุมดำได้ ยกตัวอย่างเช่น หนึ่งในดาวฤกษ์ของระบบ Eta Carinaen ซึ่งเป็นดาวฤกษ์ที่อยู่ใกล้กับซูปเปอร์โนวา และมันอาจจะเป็นไปได้ว่ามันได้ระเบิดไปแล้ว

และได้ทำให้เกิดหลุมดำขึ้นมา แต่ภาพของเหตุการณ์ดังกล่าวยังคงอยู่ห่างไกลออกไปหลายปีแสง  เมื่อดาวฤกษ์เกิดการระเบิดหรือหายไปนั้นแกนกลางของมัน    ก็จะเกิดการยุบตัวลง และกลายเป็นดาวนอวตรอนหรือหลุมดำ โดยที่นักวิทยาศาสตร์บางคนอ้างว่าหากหลุมดำก่อตัวขึ้นมันจะกลืนกินระบบ  Eta Carinaen เข้าไปทั้งระบบ เหมือนกันทั้งหมดมันเป็นไปได้ที่หลุมดำจะเกิดขึ้นแม้ว่าจะใช้เวลานานที่หลุมดำจะเกิดขึ้นได้

ในระบบสุริยะของเรา และถ้าหากว่ามันเกิดขึ้นจริง ดวงอาทิตย์และดาวเคราะห์ทั้งหมด  ก็น่าจะถูกแยกออกจากกัน หรือไม่อย่างนั้นก็อาจจะถูกกลืนกินเข้าไปทั้งหมดก็เป็นไปได้ ใครจะไปรู้ อย่างไรก็ตามเรื่องราวต่างๆ ที่เกี่ยวกับหลุมดำที่เกิดขึ้นมากมายอยู่บนอวกาศนั้นมีเรื่องราวต่างๆ ที่เรายังไม่รู้เกี่ยวกับมัน และโลกของเรานั้นก็สามารถที่จะหายไปได้

ถ้ามีหลุมดำเคลื่อนตัวเขามาใกล้เราและมันก็คงจะเป็นวันสุดท้ายที่จะมีสิ่งมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ แต่ก็ใช่ว่าหลุมดำจะเป็นสาเหตุเดียวที่ทำให้มนุษย์เราสูญพันธ์ เพราะนอกจากหลุมดำแล้ววัตถุที่อยู่นอกโลกอื่นๆ ก็สามารถทำให้เรา        สูญพันธ์ได้่เช่นเดียวกัน ถ้าหากว่ามันพุ้งตรงมายังโลกของเราและชนเข้าอย่างรุนแรง

 

 

สนับสนุนโดย  sa casino ฟรี300

ไทม์แมชชีนเดินทางข้ามเวลาได้จริงหรือ

คุณเคยดูการ์ตูนชื่อดังอย่าง โดเรม่อน กันไหม แน่นอนแหละว่าคุณต้องเป็นหนึ่งคนที่เคยดู คุณคงทราบกันดีว่าในการ์ตูนนั้นเริ่มมาจากอะไร จะขอเท้าความว่าเกิดจากที่หุ่นยนต์แมวนั้นเดินทางย้อนเวลากลับมาอดีตด้วยยานพาหนะที่เรียกว่า ไทม์แมชชีน จึงทำให้การ์ตูนเรื่องนี้ถูกใจใครหลายๆคนเพราะมันได้ทำให้เห็นภาพว่าหุ่นยนต์ที่มาโลกอนาคตตัวนี้

มาพร้อมความเครื่องมือวิเศษต่างๆมากมายขนาดที่ว่าไม่มีทางได้พบเห็นแน่ในโลกปัจจุบัน กระแสการ์ตูนดีมากจนทำให้คนจากโลกในความเป็นจริงเองยังนึกสงสัยว่า ตัวเรานั้นสามารถย้อนกับไปในอดีตและเดินทางไปยังอนาคตได้จริงหรือไม่ ในทางวิทยาศาสตร์ที่อัลเบิร์ต ไอสไตน์ได้พูดถึงทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไป

เรื่องของการเดินทางไวกว่าแสง หากว่าเราสามารถเดินทางได้เร็วกว่าแสงแล้วกลับมายังโลกอีกครั้ง เราจะมีอายุเท่าเดิมและมนุษย์บนโลกจะมีอายุที่เพิ่มมากขึ้น แต่นั้นแหละ มันไม่มีวิธีใดเลยที่จะทำให้เรานั้นเคลื่อนตัวได้ไวกว่าแสงเป็นอย่างแน่นอน จนมีการค้นพบเส้นทางของรูหนอนที่หลายคนก็ต่างจะพูดว่าถ้าเราเดินทางเข้าไปในรูหนอน ปลายทางจะเป็นอีกมิติหนึ่งที่ว่าก็ยังเจอโลกเราอยู่ แต่อายุคนบนโลกก็เปลี่ยนไปเช่นเดียวกัน

แต่ไม่ว่าแบบไหนก็ยังหาสิ่งที่ยืนยันได้อย่างแน่ชัดว่าคำกล่าวเล่านี้จะเป็นจริงหรือไม่ ถ้าหากไม่มีการได้ถูกพิสูจน์ ที่สำคัญเราจะเห็นได้ชัดว่าทฤษฎีมันอาจจะมีความเป็นไปได้เช่นเดียวกันที่เรานั้นจะสามารถเดินทางข้ามเวลาได้ด้วยความเร็วแสง แต่จงรู้ไว้ว่าถ้าหากเราสามารถเดินทางข้ามเวลาได้จริงแล้ว เราจะสามารถเดินไปข้ามเวลาไปยังอนาคตได้เท่านั้น

เราจะไม่สามารถเดินทางข้ามเวลาย้อนกลับไปหาอดีตได้ และถ้าเมื่อไหร่ที่เราได้เดินทางข้ามเวลาไปยังอนาคตแล้ว ตัวเราเองที่เดินทางไปแล้วนั้นจะไม่สามารถเดินทางกลับมาหาเวลาในตอนที่จากมาได้อีกต่อไป เพราะโลกของเราจะยังคงดำเนินการเวลาไปข้างหน้าอยู่เรื่อยๆไม่มีทางที่ถอยเวลากลับหลังได้ เหมือนกับที่ตัวเราจะเดินทางผ่านรูหนอนที่ไปโผล่ฝั่ง

ถึงจะแม้จะกลับเขาไปในรูหนอนอีกครั้งเพื่อทำการคิดว่ามันจะกลับมาเวลาเดิมที่จากมาก็คงเป็นไปไม่ได้ ถึงอย่างไรนักวิทยาศาสตร์ก็ยังต้องทดลองและค้นหาข้อมูลต่อไปอย่างไม่มีสิ้นสุด เพราะในอนาคตนั้นเราอาจจะทำมันสำเร็จ และสามารถเดินทางข้ามเวลาหรือข้ามมิติไปยังจักรวาลแห่งใหม่ โลกใบใหม่ ก็เป็นไปได้

 

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  คาสิโนออนไลน์ได้เงินจริง

น้ำแข็งอสัณฐาน หรือน้ำแข็งไม่มีรูปร่าง

ของทุกสิ่งทุกอย่างที่มีอยู่ในโลกของเรานี้ ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่มีรูปร่างและลักษณะ ที่ทำให้เราสามารถที่จะแยกออกได้ว่าสิ่งนี้เรียกว่าอะไร อันนี้คืออะไร แล้วถ้าหากว่าวันหนึ่งของทุกสิ่งที่อยู่บนโลกของเรานี้ไม่มีรูปร่างหรือลักษณะใดๆ ไม่สามารถแยกออกได้เลยว่ามันคืออะไรกันแน่ เราควรจะเรียกมันว่าอะไรดี

สิ่งที่เกิดขึ้นนี้คงจะเป็นปัญหาโลกแตกเลยก็ว่า เพราะแม้ว่าในปัจจุบันนี้ถึงแม้ว่าเราจะแยกออกว่าสิ่งต่างๆ นั้นคืออะไร ความวุ้นวายยังเกิดขึ้นได้เลย แล้วจะนับอะไรถ้ามันไม่มีรูปร่าง 

แต่ในวันนี้เราจะมาทำความรู้จักเกี่ยวกับ น้ำแข็งอสันฐาน หรือน้ำแข็งไม่มีรูปร่าง ในส่วนของน้ำแข็งอสันฐานนั้นมันถูกสร้างขึ้นโดยการทำให้น้ำที่อยู่ในสถานะของเหลวเกิดการเย็นตัวลงอย่างรวดเร็วเพื่อทำให้โมเลกุลไม่มีเวลาในการก่อผลึกคริสตัน การที่มันขาดโครงสร้างผลึกนั้นจะทำให้ขาดโครงสร้างผลึกน้แข็ง และอนุภาคจะเรียงตัวไม่เป็นระเบียบ คล้ายกับของแข็งที่ไม่มีรูปผลึก เช่นเดียวกับแก้ว พอลิเมอร์ ยางธรรมชาติ

ซึ่งโดยที่ปกติแล้ว น้ำแข็งอสัณฐานนั้นจะถือว่าเป็นแก้ว เพราะว่ามันเป็นของเหลวที่ถือว่ามีการเคลื่อนที่ที่ช้าเป็นอย่างมากโดยที่น้้ำแข็งอสัณฐาน หรือน้ำแข็งไม่มีรูปร่างนั้น อาจจะดูเหมือนกับว่ามันไม่คุ้นชินกับโลกของเรา แต่มีความเชื่อกันว่ามันเป็นน้ำที่มีมากที่สุดในจักรวารแห่งนี้ จากการศึกษาใน  ปี 2017

ที่เกี่ยวข้องกับการจำลองด้วยคอมพิวเตอร์ของน้ำแข็งอสัณฐาน  บอกเป็นในในว่าแก้วเป็นตัวแทนของสถานะระหว่างผลึกและของเหลว โดยที่น้ำแข็งสัณฐานที่ไม่มีการถูกจำลองขึ้นมาบนโลกนั้น ในการเรียงตัวของอนุภาคที่ไม่มีความเป็นระเบียบอย่างบ้าคลัง แต่มันจะมีระเบียบเป็นอย่างมากในระยะทางของอวกาศขนาดใหญ่ อย่างไรก็ตามน้ำแข็ง  ที่ว่านี้ก็เป็นสิ่งที่เรานั้น

ควรจะนำมาศึกษาเป็นอย่างมาก เพราะด้วยเหตุผลที่ได้กล่าวมาแล้วหลายๆ อย่างในข้างต้น น้ำแข็งอสัณฐานนี้  เป็นเพียงหนึ่งชนิดของทั้งหมด 18 ชนิดเท่านั้น ซึ่งแน่นอนว่าน้ำแข็งเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวของเราแน่นอนว่า  เราไม่คิดอยู่แล้วว่ามันจะมีหลายชิดขนาดนี้ เพราะจากน้ำแข็ง ที่เราเห็นกันทุกๆ

วันนั้นมันก็คงจะเหมือนกัน  ไม่ได้แต่ต่างอะไรมากมาย แต่พอถ้าหากว่าเราได้ศึกษาดูเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้วคุณจะเปลี่ยนวิธีคิดที่ว่าเรื่องใกล้ตัวไม่จำเป้นต้องศึกษาก็ได้ แต่เมื่อไหร่ที่เรื่องใกล้ กลายเป็นเรื่องที่ไกลตัวขึ้นมา แสดงว่าเราจะต้องเริ่มอัพตัวเองเพื่อหันกลับมาสิ่งรอบข้องให้มาก  ขึ้นแล้ว

 

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  แทงหวยจับยี่กี

มาทำความรู้จักกับ ไอแอพิตัส (ดาวบริวาร)

จักรวารนั้นเป็นสิ่งที่บางทีก็อาจจะพูดได้ยากว่า มันเป็นเรื่องที่นั้นสามารถเข้าใจได้ง่ายๆ แต่ถ้าคุณลองได้ไปศึกษาและได้เรียนรู้เกี่ยวกับมันจริง ๆ คุณจะพูดไม่ออกเลยว่ามันเป็นเรื่องที่สามารถเข้าใจได้ง่าย แต่ถ้า จะพูดว่ายากเลยที่เดียวมันก็คงจะไม่ใช่ เพราะถ้ามันยากจริงมันก้คงจะเป็นสิ่งที่ทุกคนคงไม่อยากจะจับต้องเท่าไหร่นัก

เพราะเมื่อคนเราได้ยินว่ามันเป้นเรื่องยากใจก็เริ่มท้อไปแล้ว  ตั้งแต่ยังไม่ได้ที่จะลงมือทำเลยด้วยซ้ำ และคงจะเป็นคนกลุ่มน้อยเท่านั้นที่คิดว่ายิ่งยากยิ่งต้องหาคำตอบให้ได้

ทุกสิ่งที่เรานั้นอยากที่จะหาคำตอบเกี่ยวกับมัน แต่ก็รู้ว่ามันเป็นเรื่องที่ยากจัง   คงหาไม่ได้แน่ๆ แต่เราอยากจะบอกว่า คำตอบของคำถามทุกอย่างนั้นมีอยู่แล้ว เพียงแค่ว่าเราจะหาเจอตอนไหนเท่านั้นเอง ในเรื่องของจักรวารก็เช่นเดียวกัน ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเรื่องที่ดูจะยาก แต่ถ้าเราสนใจจริงๆ ก็ไม่มีอะไรที่ยากไปเกินกว่าความสามารถของเราอย่างแน่นอน

อย่างที่เรารู้ๆ กันดีว่าระบบสุริยะของเรานั้นเป็นระบบระบบหนึ่งในกาแล็กซี่ทางช้างเผือก ซึ่งมันก้เป็นกาแล็กซี่ที่อยู่ในจักรวารเช่นเดียวกันกับอีกหลายๆ กาแล็กซี่ แต่ในวันนี้นั้นเราจะมาพูดถึงระบบที่ใกล้ตัวของเรามากที่สุดนั้นก็คือระบบสุริยะนั้นเอง ระบบสุริยะนั้นมีดวงอาทิตย์เป็นดาวฤกษ์ที่คอยให้แสงสว่างแก่ดาวเคราะห์ดวงอื่นๆ ที่เป็นบริวารของมันในระบบสุริยะแห่งนี้ และอย่างที่เรานั้้นรู้ๆ กันว่าดาวเสาร์ที่บริวารของดวงอาทิตย์เช่นเดียวกับโลกและดาวเคราะห์ดวงอื่นๆ นั้น มันมีดวงจันทร์บริวารเป็นจำนวนมาก และหนึ่งในนั้นก็คือ ไอแอพิส ดวงจันทร์บริวารของดาวเสาร์ดวงนี้มีลักษณะ

ที่แปลกประหลาดเป็นอย่างมาก มันมีแนวสันนูนสูงเกือบตลอดแนวเส้นศูนย์ บางทีสูงกว่ายอดเขาเอเวอร์เรสถึงสองเท่าเลยทีเดียว เพราะเหตุนี้จึงทำให้มันดุคล้ายกับเม็ดวอลนัตยกษ์  ที่ลองลอยอยู่ในอวกาศ และอีกอย่างคือความพิศดาร   เรื่องสีพื้นผิวของมัน ซีกหนึ่งนั้นสว่างขาวโพนสะท้อนแสงราวกับหิมะ แต่อีกซีกหนึ่งของมันกลับดำมืดอย่างกับว่าถูกเคลือบไปด้วยยางมะตอย และด้วยความที่มันมีสีขาวดำครึ่งซีกแบบนี้ มันจึงได้รับฉายาที่มีชื่อว่าดวงจันทร์หยินหยาง

สุดท้ายนี้ไม่ว่าอย่างไรก็ตามเรื่องของดวงจันทร์บริวาร  ยังไม่ได้จบเพียงเท่านี้ เพราะมันยังมีอีกหลายดวง และยังมีของดาวเคราะห์ได้มีเพียงไอแอดวงๆ อื่นๆ อีกด้วย แน่นอนว่าดวงจันทร์บริวารที่เป็นของดาวเสาร์นั้นไมไพิตัสเพียงดวงเดียว  แต่มันยังมีอีกหลายดวง และแต่ละดวงก็ยังคงมีลักษณะที่ไม่เหมือนกันอีกด้วย และนี้คงจะรวมเป็นเรื่องที่น่าแปลกที่เกิดขึ้นในระบบสุริยะของเรา

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  เว็บพนันออนไลน์ ถูกกฎหมาย

ระยะห่างแกนกลางของโลก

คุณก็ร็ว่าเราได้ทำการทดลองไปยังดาวอวกาศไกล้นับร้อยนับพันไมล์แต่กับโลกของเรานั้นกลับไม่ได้มีการค้นหากันสักเท่าไหร่จึงไม่มีใครที่จะให้ความสำคัญของโลกเรานักว่าโลกของเรานั้นมีอะไรบ้าง

ที่จริงที่แกนกลางโลกมีความลับที่ซ่อนอยู่ที่แกนด้านในของโลกจะมีลักษณะของแข็งเป็นลูกกลมๆที่ร้อนมากๆและมีรัศมีประมาณ1220กม.เพื่อให้เห็นภาพมันเล็กกว่าดวงจันทร์แค่30%เท่านั้นเองแต่ด้วยที่เราไม่เคยไปที่นั่นเรารู้เรื่องแบบนี้ได้ยังไงกันเราได้ศึกษาเกี่ยวกับแกนโลกโดยการสังเกตผลกระทบของแรงโน้มถ่วงต่อวัสถุของพื้นผิวของเราจากผลการศึกษานั้นคาดได้ว่ามูลของโลกหน้าจะอยู่ที่ประมาณที่5.6ล้านล้านตัน

เราไม่ได้ชั่งมันมาจากตราชั่งหรอกความหนาแน่นของทุกสิ่งที่อยู่บนยพื้นผิวของโลกนั้นมีค่าต่ำกว่าความหนาเฉลี่ยของแกนกลางโลกมากและนักวัทยาศาสตร์ก็ได้ค้นพบว่ามูลของโลกส่วนใหญ่แล้วอยู่ที่ใจกลางของโลกเราเป็นสหลักคาดว่ากว่า80%ของแกนโลกนั้นประกอดด้วย1ใน10ขององประกอบพื้นฐานที่พบมากที่สุดในแกแลคซี่นั้นก็คือ เหล็กแต่เหล็กบนพื้นผิวโลกค่อนข้างมีขีดจำกัดสงสัยกันแล้ว

ใส่ไหมเหล็กนั้นมันลงไปอยู่แกนกลางของโลกได้ยังไงองค์ประกอบที่มีน้ำหนักจำนวนมากจะผลักดันตัวเองและแน่นอนจะลงไปที่ศูนย์กลางของโลกและมีการค้นอย่างมากมายที่คาดไม่ถึงที่ยอมแพ้ในการค้นหาความจริงพื้นผิวส่วนใหญ่ของโลกทำมาจากหินที่เรียกว่า ซิลิเกตและเหล็กที่หลอมเหลวนั้นก็ยากที่จะผ่านมันไปได้เพื่อให้คุณนั้นได้เข้าใจง่ายขึ้นลองนึกถึงน้ำที่พยายามไหลผ่านไปบนพื้นผิว

ซึ่งเป็นมันเหนียวดูสิแต่ในปี2013เวนดี้ เมาและทีมงานก็ได้ค้นพบที่เป็นไปได้กับสำหรับสิ่งที่เกิดขึ้นนี้พวกเขาได้เริ่มทำการทดลอง เพื่อดูว่าเหล็กและซิลิเกตมีประติกิริยาอย่างไรเมื่อพวกมันต้องเจอกับแรงกดดันอย่างรุนแรงแบบเดียวกันกับสภาวะแกนกลางของโลกพวกเขาใช้เครื่องมือที่มีแรกกดดันกดทั้งสองสิ่งเข้าด้วยกันและพวกเขาก็ทำสำเร็จที่แรงดัน330กิกาปาสคาล

ซึ่งอยู่ที่ประมาณ3.3ล้านเท่าของแรงดันในชั้นบรรยกาศของโลกเหล็กที่หลอมเหลวได้ค่อยๆบีบตัวเข้าผ่านพื้นผิวซิลิเกตและพวกเขาก็ได้คำตอบมันใช้เวลาหลายล้านปีกว่าที่เหล็กนั้นจะเดินทางไปถึงจุดศูนย์กลางของโลกมันเคลื่อนที่ช้าๆเหมือนกับหอยทากซึ่งในตอนนั้นมันคงจะไม่มีหอยทากตรงนั้นแต่คุณก็คงจะเดาออกว่าหอยทากนั้นมันเดินช้ามากแค่ไหน

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  letou ฟรีเครดิต