Tag Archive : วิทยาศาสตร์

สิ่งของที่ได้ถูกค้นพบที่ทางวิทยาศาสตร์กำลังหาคำตอบกันอยู่

แผ่นหินบันทึกพันธุวิศวกรรม

หากเราเจอแผ่นหินนี้เข้าไปวงการวิทยาศาสตร์ปัจจุบันคงสะเทือนไม่น้อยเพราะมันคือ แผ่นหินที่บักทึกเกี่ยวกับการเจริญเติบโตคนมนุษย์ในยุคโบราณของแท้อายุประมาณ6,000ปีก่อนในตอนแรกที่นักโบราณคดีได้ค้นพบมันก็ได้สงสัยว่ามันคืออะไรหลังจากที่รู้ว่าสิ่งเหล่านั้นได้บันทึกความรู้สายพันธุกรรมเอาไว้เท่านั้นแหละก็ต้องตกใจเป็นอย่างมากว่าแต่ในสมัยนั้นเขาได้มีการพัฒนาที่ล้ำสมัยขนาดนี้เลยหรอและในส่วนของลวดลายที่อยู่บนหินนั้นแหละ

มันเป็นคำใบ้ที่สำคัญหลังจากที่ได้ศึกษากันอยู่พักใหญ่ก็ได้ทราบว่าเป็นรูปร่างของการเจริญเติบโตของตัวอ่อนมนุษย์ในมดลูกตั้งแต่ยังไม่เป็นรูปเป็นร่างจนกระทั่งเริ่มมีแขนขาและศรีษะซึ่งหากย้อนไปเมื่อหลายปีก่อนเทคโนโลยีจุลทัศหรืออัลตร้าซาวด์แบบในสมัยนี้มันก็ไม่น่าจะมีได้เลยและพวกเขาใช้วิถีไหนในการสังเกตุและจดบันทึกกันแน่นอนว่าคำตอบนี้มันก็ยังทำให้นักวิทยาศาสตร์ต่าง็พากันหาข้อพิสูจน์เด็ดๆไม่ได้ทุกถึงทุกวันนี้

เตาปฏิกรณ์ นิวเคลียร์

มันแปลกแต่จริงไม่อยากเชื่อก็ต้องเชื่อแล้วว่ามนุษย์เราได้สร้าเตาปฏิกรณ์ นิวเคลียร์ มีตั้งแต่ล้านปีที่แล้ว โดยอยู่ที่ Gabon ทางตอนกลางของทวีปแอฟริกาได้มีความยาวหลายกิโลเมตรและมีแร่ยูเรเนียมซึ่งได้เป็นเชื้อเพลีงตั้งต้นอยู่ภายในด้วยว่ากันว่าเจ้านี้สามารถผลิตไฟฟ้าได้ถึง100กิโลวัตต์ถ้าถามว่ามันเยอะแค่ไหนก็คงต้องบอกว่าใช้เปิดไฟได้ถึง1,000ดวงจากนั้นมันยังไม่พอหลังจากที่นักวิทยาศาสตร์ได้เข้าไปตรวจสอบโดยบริเวณดังกล่าวอีกหลายที่จากนั้น

ก็ได้พบกับร่องรอยของน้ำมันเชื้อเพลิงในสถานที่ต่างๆด้วยเมื่อได้เข้ามาตรวจสอบอายุกันแบบจริงจังก็จะต้องตกใจกันเป็นอย่างมากเพราะว่าเครื่องปฏิกรณ์ นิวเคลียร์นี้ ได้มีอายุประมาณ1,800ล้านปีและดำเนินการผลิตนานต่อเนื่องราวๆ500,000ปีอีกด้วยซึ่งงก็เป็นอะไรที่มันแปลกมากเพราะสมัยนั้นมันยังไม่มีไฟฟ้าใช้หรือพลังงานไฟกันซักอย่างและเจ้าพวกเหล่านี้มันคืออะไร 

โดรปา สโตนส์

หากพูดถึงการค้นพบหินโบราณหลายคนก็อาจจะคิดว่ามันน่าเบื่อแต่โดรปา สโตนส์ จะทำให้คุณนั้นต้องตกใจกันอย่างสุดๆแน่เพราะมันได้ถูกอ้างว่าเป็นหลักฐานที่เกี่ยวกัลมนุษย์ต่างดาวหลักจากที่ถูกค้นพบในถ้ำแห่งหนึ่งที่ประเทศจีนและนำมาตีความพบว่าในนั้นมีความบันทึกที่เกี่ยวกับยานของมนุษย์ต่างดาวที่มีชื่อว่า โดรปา ตกมาโดยบริเวณดังกล่าวเมื่อ1,2000ปีที่แล้วถึงจะดูเหมือนได้คำตอบแล้วแต่นักวิทยาศาสตร์หลายคนกลับไม่เชื่อเลยสักนิดทำให้ข้อมูลดังกล่าวถูกตีพิมน้อยมาก

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  nowbet

สิ่งเหล่านี้ยังไม่มีใครสามารถหาคำตอบได้จริง?

3 สิ่งที่นักวิทยาศาสตร์และนักโบราณคดีก็ยังไม่สามารถหาคำตอบได้จริง?

ศิลปะรูปยานต่างดาวของชาวมายา

สิ่งนี้มันอาจจะเป็นหลักฐานว่าชาวมายาอาจจะเคยติดต่อกับมนุษย์ต่างดาวก็เป็นได้เพราะมีการค้นพบวัตถุโบราณและด้านงานศิลปะต่างๆที่มีลวดลายคล้ายกับสิ่งที่มีชีวิตนอกโลกไม่ว่าจะเป็นรูปปั่นงานแกะสลักภาพวาดหรือสิ่งประดิษฐ์อื่นๆซึ่งรวมไปถึงรูปปั่นที่ีมีการค้นพบในPUebia ประเทศเม็กซิโกก็ลวนแต่มีลวดลายสิ่งมีชีวิตที่มีกระโหลกยืดยาวพร้อมดวงตาเรียวเล็กคล้ายแอลม่อนติดอยู่และมีรูปคล้ายยานUFOอยู่ในนั้นอีกด้วยแม้ว่าเราจะมีเทคโนโลยีที่ทันสมัยขนาดไหนก็ตามแต่ละนักบาณคดีและนักวิทยาศาสตร์ก็ยังไม่สามารถที่จะพิสูจน์ได้ว่าแท้ที่จริงแล้วมันคือรูปของมนุษย์ต่างดาวจริงๆหรือเป็นเพียงภาพของเทพเจ้าที่มีรูปร่างที่คล้ายกับงูยักษ์และมีปีนเหมือนกับนกกันแน่ถึงตอนนี้จะไม่รู้แน่ชัดแต่เชื่อว่าเทคโนโลยีในอดีคในอนาคตอาจจะไขปริศนานี้ออกก็เป็นได้

หมวกทองคำ เบอร์ลิน

มองผ่านๆเราอาจจะคิดว่ามันเป็นเจดีย์อะไรซักอย่างแต่พอร็ว่ามันเป็น หมวกทองคำ เบอร์ลิน เป็นใครก็จะตกใจกันทั้งนั้นเพราะนอกจากจะไม่มีใครรู้ที่มาที่ไปของมันแล้วมันยังจะดูว่าไม่น่าจะใส่สบายซักเท่าไหร่นอกจากจะเป็นรูปกรวดทรงสูงปีกหมวดแคบและถ้าไม่โปรจริงรับลองว่าตอนใส่ทุรักทุเรแน่นอนและยิ่งไปกว่านั้นมันไม่ได้มีมาเมื่อในเร็ววันนี้แต่มันได้ถูกผลิตขึ้นในปี 800ถึง1,000ปี คริสต์ศักราชนู่นเลยโดยทำมาจากทองคำนำเอามาตีให้มันเป็นแผ่นบางๆและขึ้นรูปเป็นกรวดสูงพร้อมกับมีลวดลายประดับเป็นรูปพระอาทิตย์ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของรัตติ บูชาพระอาทิตย์ที่นิยมอย่างแพร่หลายในยุคนั้นอีกด้วย และนั้นก็หมายความว่าจะต้องมีเทคโนโลยีบางอย่างใช้กันแล้วหลังจากที่นักวิทยาศาสตร์นำเอามาวิเคราะห์อีกทีก็คาดว่ามันอาจจะถูกทำขึ้นสำหรับเทพเจ้าหรืออพระของรัตติและยังได้เชื่อกันอีกว่ามันเป็นปฏิทินดาราศาสตร์ก็ตามถึงแม้ว่าพวกเขาก็ยัง งง อยู่กับความถอดรหัสเหล่านั้นก็ตาม

อินก้า สโตน

นี่คือสุดยอดโบราณสถานในยุคกว่า6พันปีที่นักโบราณคดียกให้มันเป็นสมบัติของมนุษย์ชาติอยู่ในเมืองlnga Brazil ประเทศบราซิลมีความยาวประมาณ45.72เมตรและมีความสูง3.9เมตรโดยมีลวดลายและสัญลักษณ์ที่แปลกกว่า400ภาพไม่ว่าจะเป็นสัตว์ต่างๆอาวุธคนนกโบราณและอื่นๆอีกมากมายแต่หลังจากที่นักโบราณคดีได้เข้ามาตรวจสอบไปเรื่อยๆนั้นก็จะต้องอ่าปากค้างเพราะบนหินมีภาพท้องฟ้าทางช้างเผือกและกลุ่มดาวโอไรอันหรือกลุ่มดาวนายพรานเอาไว้ด้วย

 

สนับสนุนโดย  9luck

โครงการวิทยาศาสตร์จำพวกทดลองเป็นยังไง

กิจกรรมหนึ่งที่สร้างความสนุกสนานร่าเริงพร้อมทั้งให้ความรู้ความเข้าใจแก่ผู้ทำการศึกษาได้อย่างถ่องแท้ก็คือ วิธีการทำโครงงานวิทยาศาสตร์ หลายๆคนบางครั้งก็อาจจะมีความคิดว่ามันเป็นเรื่องที่เด็กๆเขาทำกันเพียงแค่นั้น แต่ว่าความเป็นจริงโครงการวิทยาศาสตร์ถูกประยุกต์ใช้ประโยชน์อยู่ตลอด

ทั้งในตอนวัยเรียน และก็วัยทำงาน เพียงแต่ว่ารูปแบบให้ด้านการวิเคราะห์แล้วก็ความละเอียดของตัวแปรต่างๆนั้นจะเปลี่ยนแปลงไป

ประเภทของโครงการวิทยาศาสตร์มีอะไรบ้าง

พวกเราสามารถแบ่งประเภทและชนิดของโครงการวิทยาศาสตร์ได้หลายหมวดหมู่ตามลำดับวิธีการดำเนินงานทั้งหมด และก็แต่ละประเภทนั้นยังสามารถแตกแยกย่อยออกไปได้อีกหรือถ้าไม่อย่างนั้นก็อาจจะนำมาผสมผสานเข้าด้วยกันกับประเภทอื่นๆก็ยังได้ ประเภทของโครงการวิทยาศาสตร์หลักๆดังเช่น

-โครงการวิทยาศาสตร์ชนิดสำรวจ เป็นการเรียนรู้เก็บข้อมูลที่ต้องการพร้อมทั้งเอามาแบ่งประเภทใหม่ให้เข้าใจได้มากขึ้น บางทีอาจใช้กราฟหรือการกำหนดประเด็นเพื่ออธิบายเข้ามาช่วย

-โครงการวิทยาศาสตร์ประเภทสิ่งประดิษฐ์ เป็นการนำองค์วิชาความรู้ในเชิงวิทยาศาสตร์มาใช้เพื่อประดิษฐ์ข้าวของบางสิ่ง โดยมีเป้าหมายให้เป็นเครื่องมือเครื่องใช้ที่สร้างคุณประโยชน์ได้

-โครงการวิทยาศาสตร์จำพวกทฤษฎี เป็นการเสนอแนวความคิดใหม่ๆในเชิงวิทยาศาสตร์ บางครั้งก็อาจจะอ้างอิงจากข้อมูลเดิมหรือหาหลักฐานสนับสนุนใหม่ๆก็ได้

-โครงการประเภททดสอบ เป็นการออกแบบแนวทางการทดลอง เพื่อหาบทสรุปบางสิ่งบางอย่างที่ต้องการ

ความน่าสนใจของโครงการชนิดทดลอง

นี่เป็นจำพวกของโครงการวิทยาศาสตร์ที่สนุกมากที่สุด เนื่องจากผู้ศึกษาจะได้ออกแบบ แล้วก็ลงมือกระทำด้วยตัวเอง เผชิญอุปสรรคและก็หาวิธีแก้ด้วยตัวเอง ข้อสมมติที่ตั้งไว้บางทีอาจไม่เหมือนกับผลลัพธ์ที่ได้อย่างสิ้นเชิง

ทำให้เกิดองค์ความรู้แบบใหม่ซึ่งบ่อยครั้งมันนำไปต่อยอดได้มหาศาล ที่สำคัญบางข้อมูลที่กำหนดให้เป็นทฤษฎีในทางวิทยาศาสตร์แล้วเวลาทดลองจริงกลับไม่ได้เรื่องดังที่แนวความคิดกล่าวเอาไว้ ตรงนี้ผู้ทำการศึกษาก็จะต้องไปคิดต่ออีกว่าเหตุผลเป็นเพราะเหตุใด มีความผิดพลาดอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่าคล้ายกับการไขปัญหาไปเรื่อยๆจนกระทั่งจะได้บทสรุปที่สมเหตุสมผลอีกอย่างหนึ่งที่ได้จากกระบวนการทำโครงงานประเภททดลองก็คือ ผู้ทำการศึกษาจะลดการตีกรอบองค์วิชาความรู้ไปโดยอัตโนมัติพร้อมเปิดรับกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นทั้งสิ้น แล้วก็ซึ่งก็คือการได้ทำความเข้าใจอย่างแท้จริง

ส่วนประกอบของโครงานวิทยาศาสตร์ประเภททดลอง

-จุดหมายสำหรับในการทดสอบ นี่เป็นจุดเริ่มแรกที่สำคัญจะต้องคัดกรองเลือกแผนการที่เหมาะสมให้ได้ก่อน บางทีอาจใช้กระบวนการระดมความคิดให้ได้มากที่สุด และหลังจากนั้นก็ค่อยตัดตัวเลือกที่ไม่ใช่ออกไปก็ได้

-ข้อสมมติของการทดสอบ แม้ว่าจะเป็นการทดสอบที่พวกเราไม่รู้อะไรเลย ไม่อาจเดาได้ว่าท้ายที่สุดจะเป็นยังไงพวกเราก็จะต้องสร้างสมมติฐานขึ้นมาให้ได้ อาจจะใช้องค์วิชาความรู้ที่เกี่ยวเนื่องหรือใช้ความเป็นไปได้สำหรับในการวิเคราะห์ผลลัพธ์ทั้งนี้ก็เพื่อใช้เป็นมาตรฐานสำหรับในการควบคุมให้การทดลองนั้นเป็นไปตามแผนการที่ต้องการจริงๆ

 

ให้การสนับสนุนโดย  เว็บพนันออนไลน์2020

สิ่งของที่นักวิทยาศาสตร์ก็หาคำตอบไม่ได้

หากคุณคิดว่าเทคโนโลยีและสิ่งประดิษฐ์ในยุคนี้ที่ทันสมัยที่สุดแล้วละก็คุณอาจจะคิดผิดเพราะยุคโบราณเขาก็มีแล้วแต่ถึงอย่างไรมันจะไม่มีรูปร่างที่เหมือนกับปัจจุบันแต่สิ่งเหล่านั้นก็ล้ำยุคไปไกลซะจนนักวิทยาศาสตร์หาคำตอบไม่ถูกเลยว่าทำได้อย่างไรไม่แน่ว่าสิ่งประดิษฐ์ที่เราคิดค้นกันแถบตายยุคนั้นก็อาจจะมีใช้กันเป็นเรื่องธรรมดาแล้วก็ได้ 

เดรสเดน โคเดกซ์ 

สารพัดภาพวาดเขียนที่เราเห็นอยู่นี้มันไม่ใช่ผลงานศิลปะแต่อย่างใดแต่เป็นบันทึกของภาพภาพอักษรของชาวมายาที่ดูแปลกตาเอามากๆมีการพับทบไปมาคล้ายกับพัดหากกางออกก็จะมีความยาวถึง 3.7เมตรหลังจากที่ได้ตีความออกมาก็ได้พบว่าเนื้อหาที่อยู่ข้างในเป็นประวัติศาสตร์และตารางดาราศาสตร์เมืองชีเชนอิตซา ในประเทศเม็กซิโกที่แม่นยำสุดๆคลาดเคลื่อนเพียงนิดเดียวเพียงเท่านั้นจากการวิจัยครั้งใหม่ได้ข้อสรุปว่า มีนักดาราศาสตร์ชาวมายาคนเดียวได้จัดทำแบบจำลอง

เพื่อใช้เอาไว้บอกตำแหน่งของดาวศุกร์ในตอนกลางคืนล้วงหน้าหลายร้อยปีแต่สิ่งที่หน้าทึ่งและได้ชวนงงมากก็คือผู้สร้างบันทึกชิ้นนี้เขาได้ใช้อุปกรณ์อะไรหรือใช้วิทีไหนใช้ในการบันทึกกันแน่เพราะมันจะเป็นไปไม่ได้ที่คนเราจะสามารถมากทำอะไรแบบนี้ได้และก็ต้องหน้าเสียดายที่ตัวเริ่มเสียหายมาจากน้ำรวมถึงไม่มีข้อความฝากรักเอาไว้ในนั้นด้วยจึงได้ทำให้บันทึกนี้ยังคงเป็นปริศนาที่คาใจกันอยู่ต่อไป

ดิส โคลกานเท

ถ้าเราดูผ่านๆตาแล้วมันอาจจะดูเหมือนกับใบพัดลมหรือฉาบที่ติดอยู่บนกลองชุดแต่จริงๆแล้วเจ้านี่นั้นเป็นของโบราณ ซึ่งเราเองก็ไม่รู้ว่าทำไมๆมันดูมีสมมารและความเพรียวสุดๆจนมันดูล้ำยุคได้ขนาดนี้อย่างกับหลุดออกมาจากในหนังกันเลยทีเดียว หากว่าเรามองดูดีๆเจ้าแผนสจานชิ้นนี้จะคล้ายกับดาราจักรชนิดก้นหอยเมื่อได้นำเอาไปวางซ้อนกับภาพกาแลกซี่จำลองแล้ว ที่บนใบแฉกหนึ่งใบนั้นยังมีเครื่องหมายที่ได้ระบุตำแหน่งที่ตั้งของระบบสุริยะ ในกาแลกซี่ทางช้างเผือกได้อย่างแม่นยำ

เพราะความที่สุดประหลาดใจครั้งนี้จนต้องทำให้ นักวิทยาศาสตร์ได้ งง  กันไปอีกแล้วว่าทำไมมนุษย์ที่อยู่ในยุคนั้นถึงได้มีข้อมูลแบบนั้นได้ทั้งๆที่พวกเราไดค้นหากันอย่างเหน็ดเหนื่อยก็เลยทีเดียวและยังมีอีกหนึ่งสิ่งที่มันยังคงคาใจของเหล่านักวิทยาศาสตร์ในรุ่นหลังก็คือข้อมูลที่ได้สลัดอยู่บนฉาก รวมไปถุงรอยนูนตรงกลางว่ามันคืออะไรและไม่แน่ว่ามันอาจจะเป็นแผนที่ของมนุษย์ต่างดาวก็เป็นได้

 

สนับสนุนโดย  sagame

การค้นหาคำตอบบนชั้นบรรยากาศทำไมถึงมืด

 ถ้าคุณไม่ใช่มนุษย์ที่ใช้ชีวิตในตอนกลางวันคุณอาจจะชอบใช้ชีวิตบนดวงจันทร์หรืออยู่ในอวกาศนอกจากจะไม่มีออกซิเจนแล้วการที่ท้องฟ้านั้นมืดอยู่ตลอดเวลามันก็ฟังหน้าดึงดูดอยู่เหมือนกันใช่มั้ยแต่นั่นก็ทำให้เราสงสัยว่าทำไมบนโลกถึงมีแสงสว่างเต็มไปหมดแต่มันแถบจะไม่มีเลยเมื่อได้ออกไปนอกโลกคุณอาจจะคิดว่าที่มันมีแสงตอนกลางวันและมืดตอนกลางคืนเป็นเพราะว่าโลกนั้นหมุนรอบตัวเองและดวงอาทิตย์

ส่วนโลกทั้งสองด้านนี่ก็เป็นอีกหนึ่งส่วนที่เป็นเหตุผลแต่จริงแล้วมันซับซ้อนกว่านั้นเราหมายถึงพระอาทิตย์ก็ส่องแสงไปที่ดวงจันทร์ด้วยแต่ท้องฟ้าเหนือดวงจันทร์ก็ยังมืดอยู่เสมอเพราะชั้นบรรยากาศที่ล้อมโลกของเราไม่เหมือนกับดาวดวงอื่นๆซึ่งมันเต็มไปด้วยฝุ่นสิ่งสกปรกก๊าซและหยดน้ำ

ซึ่งมันทำหน้าที่เหมือนกับกระจกเล็กๆสะท้อนแสงอาทิตย์เมื่อแสงอาทิตย์ได้ชนเข้ากับอนาพเล็กๆเหล่านี้มันจึงได้กลายออกมาเป็นการสร้างสีสันต่างๆจึงเป็นเหตุทำให้เราเห็นท้องฟ้าเป็นสีฟ้าและสีสันสวยงามตอนพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตกและนี่ก็เป็นคนละเรื่องกับที่อื่นเลยแหล่ะ  ถ้าเกิดคุณไปอยู่บนดวงจันทร์ที่ไม่มีชั้นบรรยากาศท้องฟ้าจะเป็นสีดำคุณจะยังมองเห็นดวงดาวได้เมื่ออยู่ในช่วงเวลากลางวันที่ดวงอาทิตย์ส่องแสงถึงสิ่งเดียวกันนี้เกิดขึ้นในอวกาศที่เต็มไปด้วยก๊าซมากมายหลายชนิด

แต่มันไม่มีชั้นบรรยากาศที่มีโมเลกุลในการสะท้อนแสงหรือนั้นก็คืออวกาศนั้นว่างเปล่านั้นเป็นเหตุผลถึงแม้ว่าดวงอาทิตย์จะส่องแสงไปยันอวกาศก็ยังมืดถ้าวันหนึ่งชั้นบรรยากาศของโลกเรานั้นได้หายไปมันก็จะมืดเช่นเดียวกันกับในอวกาศหรือบนดวงจันทร์นั่นแหล่ะอย่างนี้ก็พอเข้าใจแล้วแต่นั่นดวงอาทิตย์ไม่ใช่ดาวฤกษ์หรือแหล่งกำเนิดของแสงดวงเดียวในจักรวาลแห่งนี้

แล้วทำไมดาวฤกษ์ดวงอื่นถึงไม่ส่องแสงในเวลากลางคืน คุณไม่ใช่คนแรกที่จะสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้นักดาราศาสตร์ที่มี ชื่อว่า โทมัส ดิกส์ ได้ค้นคว้าคำถามนี้ในศตวรรษที่16เขามั่นใจว่าจักรวาลไม่มีจุดที่สิ้นสุดและดวงดาวก็มีเยอะมากจนไม่สามารถที่จะนับได้เขาพยายามค้นหาคำตอบว่าทำไมแสงของดวงดาวจำนวนนับไม่ถ้วนเหล่านี้

จึงไม่ทำให้เรานั้นตาบอดแต่เขาก็ได้ล้มเหลวคำถามนั้นมันเร็วเกินไปที่จะหาคำตอบในยุคของเขาและเขาก็ไม่มีเครื่องมือการค้นหาคำตอบช่วงต้นศตวรรษที่19นักดาราศาสตร์เยรมัน วิลเฮล์ม โอลเบอร์ส ได้เสนอว่าเหตุผลที่ท้องฟ้าเป็นสีดำในตอนกลางคืนเป็นเพราะม้านฝุ่นบังดาวฤกษ์ส่วนมากจากการมองเห็นของเรา

 

ขอบคุณผู้สนับสนุนของเรา โดย  rb88

เนบิวลา

เหล่าดวงดาวที่เป็งประกายยามราตรีได้มีแสงส่องสว่างในตัวเอง

ความงดงามของนภายามราตรีซึ่งเราจะเรียกดวงดาวเหล่านั้นว่าดาวฤกษ์  ดาวฤกษ์เป็นวัถุที่มีขนาดใหญ่ในอวกาศที่มีแสงสว่างและพลังงานในตัวเองเป็นม้วนก๊าซขนาดใหญ่ที่ให้กำเนิดขนูพื้นฐานจักรวาลทั้งการสร้างและการส่งผ่านพลังงานแสงสว่างและธาตุต่างๆไปในชั้นบรรยากาศ ดาวฤกษ์ถือกำเนิดภายใต้การรวมตัวกันของกลุ่มก๊าสและฝุ่ที่มีขนาดใหญ่ของอวกาศที่เรียกว่าหมอกเพลิง ซึ่งเป็นดาวฤกษ์ที่ไกล้จะ เสื่อมถอยและไกล้สิ้นอายุสิ้นอายุไขอยู่ห่างจากโลกปราะมาณ700ปีแสงดาวฤกษ์ในแกนแล็คซี่มีจำนวนมากกว่าพันล้านดวง

ซึ่งปัจจุบันการนับบจำนวนดวงดาวในจักรวาลมันยังเป็นเรื่องที่มันยังคงเป็นไปไม่ได้แต่นักดาราศาสตร์ได้มีการคาดเดา มีดาวฤกษ์ประมาณ3แสนล้านดวงในแกนแล็คซี่ทางช้างเผือกของเรา ดาวฤกษ์ถือกำเนิดขึ้นภายในกลุ่มก้อนก๊าสและ ฝุ่นผงขนาดใหญ่ในอวกาศซึ่งมีไฮโดรเจนเป็นองค์ประกอบหลักธาตุตั้งต้นของสับพะสิ่งในจักรวาลการรวมตัวกันของกลุ่ม ก้อนก๊าสและฝุ่นผงจากแรงดึงดูดระหว่างกันของสะสารตามกฏความโน้มถ่วงแห่งเอกภพทำให้  เนบิวลา มีขนาดที่ใหญ่ขึ้นตามการเวลาม้วนที่มากขึ้นและแรงดึงดูดที่มากขึ้น

ก่อให้เกิดการหมุนวนก๊าสและฝุ่นผงคล้ายกับจานหมุนขนาดใหญ่จนทำ ให้ เนบิวลา เกิดอาการยุบตัวลงเข้าศูนย์กลางจากแรงโน้มถ่างของตัวมันเองการยุบตัวลงนั้นส่งผลให้แรงดันและอุณหภูมิ ของเนบิวลาเพิ่มสูงขึ้นตามกฏทางธรรมชาติของก๊าสอุณหภูมิเนบิวลาจะสูงขึ้นถึง1แสนองศาเซลเซียสและก่อให้เกิดการเปลี่ยนรูปของก๊าสให้เป็นพลังงานและความร้อนได้มีการเกิดการเปล่งแสงส่งผลให้แกนกลางของ เนบิวลา เรืองแสง ซึ่งสถานภาพนี้ได้มีชื่อเรียกว่า ดาวฤกษ์เกิดก่อน

และสำหรับการยุบตัวของกลุ่มก๊าสยังไม่ยุติจนกว่าอุณหภูมิของแกนกลางดาวจะถึง15ล้านองศาเซลเซียสก่อให้เกิดปฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิวชันเกิดการหลอมนิวเคลียร์ของธาตุไฮโดรเจนเป็นฮีเลี่ยมเมื่อภายในของ เนบิวลา สูงขึ้นจนสามารถต้านทานกับแรงโน้มถ่วงของตัวเองได้การยุบตัวของกลุ่มก๊าสและฝุ่นจนถึงคาดยุติลงและได้ก่อให้เกิดสมดุลแรงทั้งสองในสภาวะสมดุลนี้ ดาวฤกษ์นั้นก็จึงได้ถือกำเนิดถือฤกษ์อย่างสมบูรณ์ดังนั้น เนบิวลา จึงถือว่าเป็นอาณาเขตของการให้กำเนิดดวงดาวหรือดาวฤกษ์ดวงใหม่ในจักรวาลเมื่อจักรวาลถือกำเนิดขึ้นได้อย่างสมบูรณ์

การต่อสู้ของแรงโน้มถ่วงและแรงดันภายในยังคงเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลาดาวฤกษ์นั้นจะยังอยู่ได้ก็เพราะว่าแรงของทั้งสองนี้ช่วงชีวิตของความสมดุลที่ว่านี้เรียกได้ว่าแถบกระบวนการหลักจะคงอยู่ได้นานนับล้านๆปีซึ่งจะถือได้ว่าเป็นช่วงเวลาที่ยาวนานที่สุดในชีวิตของดาวฤกษ์

วิธีทำจรวดขวดน้ำแบบง่าย

การทำจรวดขวดน้ำแบบง่ายโดยมีวิธีดังนี้

เราจะใช้ขวดน้ำเพชรขนาด500 มล.เป็นขวดขนาดเล็กซึ่งมันจะใช้ขวดทั้งหมด2ขวดอีก1ขวดไม่จำเป็นจะต้องเป็นขวดน้ำอัดลมเพราะมันไม่ต้องรับแรงลมอากาศจะใช้เป็นขวดอะไรก็ได้ซึ่งเราจะเอามาใช้สวมใส่ทางด้านหัวจากนั้นเรานำเอามาตัดส่วนด้านหัวออกก่อนจากนั้นเราก็ต้องตัดให้เป็นแนวเส้นตรงเพราะเวลาที่ติดลงไปที่ขวดนั้นมันจะได้ตรงจากนั้นก็นำขวดที่เป็นลำตัวและตัดพาลสติดออกระวังมือกันหน่อยเพราะอาจจะโดนมีดบาดเอาได้และอย่าทำให้ตัวขวดลำตัวนั้นรั่ว

เพราะจะเราจะต้องอัดแรงดันของอากาศเข้าไปในลำตัวจากนั้นให้นำเอากระกาษทรายมาขัดตรงที่ไกล้บริเวณปากขวดที่ต้องขัดเพราะเราจะต้องติดหางของจรวดตรงที่บริเวณนั้นจากนั้นเราก็จะใช้พลาสติกลูกฟูกหรือที่เรียกว่าฟิวเจอร์บอร์ดจากนั้นเราก็จะต้องเอามาตัดให้มันเป็นรูปสามเหลี่ยมขนาด4ชิ้นด้วยกัน

อาจจะต้องวัดขนาดให้เป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส7×7เซนติเมตรจำนวน2รูปต้องค่อยๆวัดต้องวัดให้มันได้ฉากขนาด7เซนติเมตรจากนั้นเราก็ตัดออกมาเป็น2ชิ้นและตัดแบ่งครึ่งให้มันกลายเป็นสามเหลี่ยมมุมฉากและใช้มีดผ่าครึ่งอีกทีเพื่อที่จะแยกเอาออกมาติดกาวและติดไปที่ลำตัวของจรวดแยกออกมาข้างละ1เซนติเมตรตัดให้ครบทั้ง4ชิ้น

พอเราได้ทั้งหมด4ชิ้นแล้วก็จะนำเอามาติดกาวและเราจะต้องมาวัดที่ลำตัวความยาวของขวดสมมุติว่าได้20เซนเราก็จะทำเครื่องหมายเอาไว้เพื่อจะทำการติดฟิวเจอร์บอร์ดจากนั้นให้ติดกาวที่ตัวแผ่นฟิวเจอร์บอร์ดทั้ง4ชิ้นและก็ทากาวที่ตัวขวดที่ทำเครื่องหมายเอาไว้ทั้ง4เส้นเพื่อให้กาวนั้นมันติดแน่นขึ้นและเวลาติดก็จะต้องดูให้มันขนานกัน

จากนั้นให้ใช้เทปกาวติดลงไปที่ตัวฟิวเจอร์บอร์ดที่เราติดไปเมื่อสักคู่นี้ข้างละหนึ่งเส้นจากนั้นเรากก็จะมาวัดความยาวของตัวจรวดโดยสวมส่วนตัวลงไปก่อนสมมุติได้ความยาวประมาณ25เซนเราะใช้ประมาณ12เซนติเมตรเป็นตำแหน่งที่ได้วัดมาจากส่วนหัวของจรวดบริเวณจุด12เซนติเมตร

จะเป็นจุดศูนย์ถ่วงของจรวดของเราเมื่อวัดได้แล้วก็จะใส่ดินน้ำมันลงไปดันให้ดินน้ำมันนั้นแน่นยิ่งแน่นเท่าไหร่ยิ่งดีเพื่อไม่ให้ดินน้ำมันนั้นหลุดออกมาจากนั้นก็สวมเข้าไปที่ลำตัวและวัดจุดศูนย์ถ่วงอีกทีเพื่อที่จะให้ได้น้ำหนักที่เท่ากันพอวัดให้มันสมดุลแล้วก็จะนำกระดาษมันขัดที่ลำตัวเพื่อที่จะได้ติดกาวจากนั้นเราก็จะเติมน้ำลงไปประมาณ1ส่วน3

การค้บพบของนักบรรพชีวินวิทยา

ในตลอดปี ค.ศ2019ที่ผ่านมาแวดวงบรรพชีวินวิทยาก็ได้มีการขุดค้นพบหลักฐานที่สำคัญอยู่บนโลกมนุษย์ของเราและได้มีการขุดพบมากขึ้นในอดีตขอเรามากขึ้นเรื่อยๆไม่ว่าจะเป็นการค้นพบสิ่งมีชีวิตสายพันธุ์ใหม่และสาเหตุของการสูญพันธุ์ขอสิ่งมีชีวิตนั้นๆซึ่งวันนี้เราจะพาทุกคนมารับชมสิ่งที่บรรพชีวินวิทยาได้มีการค้นพบในปีค.ศ2019

ซึ่งในปีนี้นักบรรพชีวินวิทยาจะมีการค้นพบอะไรบ้างเดียวเรามาดูกัน

มีการค้นพบน นกแก้ว ดึกดำบรรพ์ยักษ์ที่นิวซีแลนด์

ทีมนักชีวินวิทยาจากประเทศออสเตรียและนิวซีแลนด์ก็ได้ศึกษาโครงกระดูกกลางของนกดึกดำบรรพ์ในอันดับนกแก้วที่มีชื่อว่า Heracles inexpectatus  ซึ่งได้ถูกค้นพบในเขตโอทาโกประเทศนิวซีแลนด์ ซึ่งจะมีอายุราวๆประมาณ20 23ล้านปีกระดูกขาชิ้นนี้เมื่อได้นำเอามาคำนวนน้ำหนักของเจ้าของกระดูกเดิมได้น้ำหนักถึงประมาณ7กิโลกรัม

การคับพบนี้ถือว่าเป็นหลักฐานฟอซซิลที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่ได้มีการปรากฏขึ้นบนโลกและยังบ่งบอกถึงความอถุดมสมบูรณ์ของพืชพันธุ์และผลไม้บนเกาะนิวซีแลนด์ในช่วงเมื่อ20ล้านปีก่อน

คันพบมนุษย์โบราณสายพันธุ์ใหม่  ที่เกาะลูซอน ประเทศฟิลิปปินส์

ทีมนักชีวินวิทยาของออสเตรียได้ค้นพบกระดูกฝาเท้าของมนุษย์ทีมีอายุมากกว่า61,000ปีภายในถ้ำCallao Cavemk ในทางตอนเหนื่อยของเกาะลูซอนประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งก็ถือว่าเป็นหลักฐานที่มีความเก่าแก่มากที่สุดที่ได้มีการอาศัยอยู่ของมนุษย์ในหมู่เกาะฟิลิปปินส์และในล่าสุดทีมนักบรรพชีวินวิทยาฝรั่งเศษและออสเตรียได้เปิดเผยสำหรับการค้นพบชิ้นส่วนของฝันจากชั้นตระกอนเดียวกันที่ได้ค้นพบกระดูกฝาเท้าภายในถ้ำ Callao Cavemk

พวกเขาก็ได้ค้นพบลักษณะของฝันนั้นแตกต่างไปจากมนุษย์ สกุนโฮโม และสายพันธุ์อื่นๆและฝันดังกล่าวก็จะมีลักษณะกลึ่งกลางระหว่างมนุษย์โบราณและมนุษย์ในปัจจุบันพวกเขาก็จึงได้ตั้งชื่อให้กับมนุษย์โบราณสายพันธุ์นี้ว่าHomo Luzonensisนอกจากนั้นทีมนักวิจัยมีความเชื่อว่ามีความเป็นไปได้ที่มนุษย์สายพันธุ์นี้จะมาถึงหมู่เกาะฟิลิปปินส์ประมาณ700,000ปี

ที่ผ่านมาจากการที่ได้มีการค้นพบเครื่องมือหินในชั้นตระกอนที่ได้มีอายุเก่าแก่การค้บพบมนุษย์ลูซอนนี้ก้ได้สร้างความตลึงให้กับวงการวิทยาศาสตร์และโบราณคดีเนื่องจากฟอซซิลที่ได้มีการค้นพบถือได้ว่าเป็นหลักฐานชิ้นแรกของการปรากฏของมนุษย์โบราณสายพันธุ์ใหม่ที่ไม่มีใครคนไหนนั้นสามารถจะพบเห็นได้

หรือไม่เคยได้เห็นมาก่อนในทวีปตะวันออกเฉียงใต้และก็ได้ทำให้หมู่เกาะในทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ถือได้ว่าเป็นแหล่งสำคัญวิวัฒนาการของบรรพบุรุษเราที่จะต้องศึกษาวิจัยกันต่อไปในอานาคต

ซากฟอซซิลและถ้ำน้ำแข็งยักษ์

สำหับเรื่องราวเหล่านี้ที่มันยังเป็นปริศนาที่ทำให้เหล่นักวิทยาศาสตร์จะต้อสงสัยกัน เนื่องจากสิ่งพวกนี้มันเกิดขึ้นมาได้อย่างไรละต้องทำให้นักวิจัยและนักวิทยาศาสตร์หลายคนจะต้องมึนหัวไปตามๆกันเพราะยังหาข้อสรุปไม่ได้ว่ามันเกิดข้นมาได้อย่างไรกับสิ่งที่ได้ค้นพบนี้

ถ้ำน้ำแข็งยักษ์

สิ่งเหล่านี้ใครเขาจะไปคิดล่ะว่าการที่น้ำแข็งนั้นได้ละลายอย่างรวดเร็วมันจะนำไปสู่การค้นพบที่สุดแปลกตาและสุดมหัศจรรย์กับเขาได้ด้วยโดยในปี2012เรด้าของนาซ่าก้ได้พบว่าทานน้ำแข็งนั้นได้ยุบตัวลงเร็วอย่างผิดปกติและนักวิจัยก็ได้ลงพื้นที่สำรวจก็จะต้องอ้าปากค้างเพราะในใต้น้ำแข็งสีขาวโพล่ได้มีถ้ำที่มีขนาดใหญ่ซ่อยอยู่จริงๆและสวยงามแปลกตาเอามากๆเนื่องจากเพดานถ้ำเหมือนเดิมสีน้ำเงินที่ได้เกินมาจากชั้นน้ำแข็งกั้นน้ำภายนอกเอาไว้และเมื่อได้เข้าไปข้างด้านในนั้นก็จะพบเห็นว่าภายในถ้ำจะมีอุณหภูมิ25องศาเซลเซียส

ซึ่งมันได้อุ่นกว่าข้างนอกมากมันอาจจะเป็นเพราะว่าในถ้ำแห่งนี้เป็นถ้ำที่อยู่ในแนวภูเขาไฟและได้มีอุณหภูมิสูงนอกจากนี้มันก็อาจจะเป็นไปได้ว่ามันจะมีสิ่งที่มรชีวิตอาศัยอยู่เนื่องจากในตัวอย่างดินได้มีร่องรอยของดีเอนเอคล้ายกับสาหร่ายมอสและสัตว์ที่มีขนาดเล็ก ซึ่งมันก็ยังไม่รู้ว่ามันคืออะไรแต่นักวิจัยก็เชื่อว่ามันอาจจะมีพืชและสัตว์ชนิดใหม่ๆอาศัยอยู่ก็เป็นได้ถ้าน้ำแข็งละลายจนเรด้านั้นจับไม่ได้ล่ะก็เราก็คงจะไม่ได้เห็นอะไรที่ดีๆแบบนี้

ซากฟอซซิลพืชเขตร้อน

พืชเขตร้อนจำพวกต้นปาล์มนี้หรอ มันจะมีอยู่บนทวีปที่มันเต็มไปด้วยเทือกน้ำแข็งในแอนตาร์กติกาได้อย่างไร ซึ่งมันฟังดูชั่งหน้าเหลือเชื่อใช่ไหมแต่ก็มีการค้นพบหลักฐานที่น่าจะบ่งบอกว่าในอดีตบริเวณนี้ได้ถูกปกคลุมด้วยป่าจริงๆเนื่องขจากการค้นพบร่องรอยฟอซซิลของพืชเขตร้อนที่นี้จากหลักฐานที่ได้มัดตัวขนาดนี้ ซึ่งมันทำให้เชื่อได้ว่าบริเวณนี้มันเคยเป็นป่าดงดิบและได้มีอากาศที่อบอุ่นมากก่อนหากคุณไม่เชื่อก็ต้องเชื่อแล้วล่ะเพราะจะต้องยอมจำนนต่อหลักฐานแต่สิ่งที่มันน่าสนใจอย่างสุดๆ

ก็คือต้นไม้เหล่านี้ดำรงมีชีวิตอยู่กันได้อย่างไรในทวีปที่มีแต่ความมืดมิดเป็นเวลานานหลายเดือนแต่จะอย่างไงเรื่องนี้มันก็จะเป็นแค่เพียงในอดีตเพราะในช่วงในเวลาที่มันอุดมสมบูรณ์แบบนั้นมันก็ได้สิ้นสุดลงเมื่อเวลาประมาณ251ล้านปีก่อนและที่มันจะต้องเหลือแค่เพียงซากมันก็จะเป็นเพราะสภาพอากาศที่แปลปวนมันจึงทำให้ป่าและสัตว์ที่มีชีววิตต่างๆได้สูญพันธ์ไปจนเกือบหมดสิ้นหลงเหลือทิ้งเอาไว้ก็แต่ซากของฟอซซิลเอาไว้ให้ดูเพียงต่างหน้าเท่านั้น

ซากฟอลซิลที่นักวิทยาศาสตร์จะต้อง งง

จากทีมนักวิทยาศาสตร์ก็ได้มาการขุดค้นพอเจอซากฟอสซิลที่ได้มีอายุราวๆเป็นล้านๆปีมาแล้วแต่มันก็ยังไม่หายสาบสูญไปไหนยังคงทิ้งร่องรอยเอาไว้ให้ไขปริศนากันอยู่และที่สำคัญซากเหล่านี้มันเกิดหลงเหลือมาถึงตอนนี้ได้อย่างไร

ฟอสซิลสัตว์ทะเล

ถ้าคิดว่าฟอสซิลของงสัตว์ทะเลที่ว่ามานี้จะเป็นกุ้งหอยปูปลาแล้วละก็ต้องขอบอกเลยว่าผิดขนาดเพราะเจ้าฟอสซิลที่ว่านี้มันเป็นฟอสซิลของอีลาสโมซอรัสเป็นสัตว์เลื้อยคานที่มีขนาดใหญ่ได้ถูกฝังเอาไว้ที่แอนตาร์กติกาโดยมันมีความยาวประมาณ12เมตรและมันมีน้ำหนักที่เกือบถึง15ตันเลยทีเดียวแต่จะว่าไปส่วนที่ยาวที่สุดในลำตัวของมันก็คือส่วนคอของมันแน่นอนแล้วล่ะว่าเจ้าอีลาสโมซอรัสตัวนี้เป็นสัตว์ยุคเดียวกันกับไดโนเสาร์ซึ่งโดยซากดึกดําบรรพ์นี้จัดได้ว่ามันเป็นซากที่สมบูรณ์ที่สุดที่เคยค้นพบมาเลยทีเดียวแต่จะว่าไปแล้วไม่ใช่สัตว์ทุกตัวที่มันตายจะได้รับเกียรติให้มีซากฟอสซิล

เนื่องจากที่ได้มีเศษซากฟอสซิลเป็นของตัวเองมันจึงไม่ใช่เรื่องที่ง่ายๆเลยเพราะโดยปกติเวลาที่สิ่งมีชีวิตได้ตายลงก็จะถูกย่อยสะลายไปจนหมดดังนั้นการเกิดฟอสซิลจะต้องมีปัจจัยที่เหมาะสมจึงจะผ่านการเวลามานานนับล้านปีให้เรานั้นได้เห็นมันอีกครั้งนี่ถ้าไม่ได้อยู่แอนตาร์กติกาเราก็คงไม่มีโอกาสที่จะได้เห็นมันอย่างแน่นอน

หุบเขาที่แห้งแล้ง

สำหรับสิ่งนี้มันก็ได้สร้างความประหลาดใจให้กับผู้ที่ได้พบเห็นอย่างไม่น้อยและใครจะไปคิดล่ะว่าแอนตาร์กติกาที่มันคววรจะมีน้ำแข็งเต็มพื้นที่มันจะมีจุดที่น้ำแข็งนั้นเข้าไม่ถึงได้ด้วยถึงแม้ว่าหุบเขาที่ว่ามันจะไม่ได้อยู่ที่น้ำแข็งโดยตรงแต่สำหรับความแห้งแล้งของมันก็ได้ทำให้คนที่เห็นได้มีความมึนงงกันอยู่ดีทำไมมันเป็นอย่างนี่ได้ล่ะนั้นมันก็เป็นเพราะว่าตรงพื้นที่ของพื้นที่ของแม็กซ์มือโดเกิดจากสายลมที่ได้พัดลงเขาจึงได้ทำให้ความชื้นนั้นได้หายไปจนหมดเหลือเพียงแต่ก้อนก้อน กรวดและออกทรายของเหล็กหรือที่เรียกกันว่าสนิม

จึงทำให้น้ำตกบริเวณนั้นได้มีสีที่เหมือนเลือดและไม่มีสิ่งที่มีชีวิตได้เข้ามาอาศัยอยู่เลยสักตัวยกเว้นแบคทีเรียบางชนิดเท่านั้น ซึ่งกลุ่มนักวิทยาศาสตร์ที่ได้พบที่นี่เข้าเมื่อในปี1903และได้นำเอาไปเปรียบเทียบกับดาวอังคารและก็คิดว่าหากที่นี้นั้นมีสิ่งที่มีชีวิตอยู่รอดได้ที่ดาวอังคารมันก็อาจจะมีได้เหมือนกันและถ้าพื้นที่ตรนี้จะแตกต่างกันอย่างสุดขั่วขนาดนี้เชื่อแล้วล่ะว่าบนโลกใบนี้ยังมีอะไรให้ค้นหาอีกมากมายเลยจริงๆ