Tag Archive : dewabet

ดาวเคราะห์ที่มีความร้อน

อย่างที่เรานั้นรู้ๆ กันดีว่าคนไทยส่วนใหญ่แล้วนั้นจะนับถือศาสนาพุธกัน และความส่วนใหญ่ก็จะเชื่อว่า นรกกับสวรรค์นั้นมีอยู่จริง ใครที่ทำดีก็จะได้ไปสวรรค์ ในส่วนที่ใครคิดชั่วทำชั่วนั้นก็ต้องตกนรก แล้วนรกที่ว่านี้เป็นอย่างไร มันเหมือนกับที่เขาได้มีการเล่าต่อๆ กันมาหรือไม่ แน่นอนว่านรกในความเป็นจริงแล้วนั้นเป็นอย่างไรเหมือนกับที่เขาได้เล่าต่อกันมาหรือไม่ แต่ไม่ว่านรกจะเป็นอย่างไรเราแต่ก็ไม่มีใครที่จะอยากตกนรกอย่างแน่นอน

บ่อยครั้งนั้นที่เรามักจะรู้สึกว่าฝนมักจะตกในช่วงเย็น ที่ใครหลายๆ คนจะต้องรีบกลับบ้านเพื่อที่จะไปหาครอบครัวและผู้เป็นที่รัก ซึ่งในบางทีมันก็มักจะทำให้เราเปียกปอนอยู่เรื่อยไป หรือจะต้องใช้เวลาเพิ่มมากขึ้นเพื่อที่จะต้องอญุ่บนท้องถนนทั้งที่ความจริงแล้ว เราควรที่จะได้กลับบ้านไปพักผ่อนได้แล้ว  และแม้ว่าเรื่องที่เรากำลังจะพูดต่อไปนี้นั้นมันอาจจะฟังดูแล้วเหมือนกับนิยายวิทยาศาสตร์เกิดนไป

แต่ดาวเคราะห์ที่มีสภาพภูมิอากาศที่แปลกประหลาดเอามากๆ เช่นมีฝนที่ตกเป็นแร่ธาตุต่างๆ หรือแม้แต่การที่ฝนจะตกเป็นอัญมณีที่ล้ำค่านั้นมีอยู่จริง โดยที่ล่าสุดนั้นได้มีนักวิทยาศาสตร์กลุ่มหนึ่ง ได้มีการค้นพบดาวเคราะห์ที่โคจรอยู่นอกระบบสุริยะของเรามันมีอุณหภูมิที่ร้อนจัดเอามากๆ ซึ่งดาวดวงที่ว่านี้มันมีฝนตกเป็นเหล็กหลอมเหลวอยู่เสมอ บนดาวเคราะห์นอกระบบสุริยะดวงนี้นั้นมันมีชื่อเรียกว่า WASP-76d

ซึ่งดาวดวงนี้นี้ก็มีฝนตกในช่วงเวลาตอนเย็นเช่นเดียวกับโลกของเรา แต่แตกต่างกันอยู่ที่ว่าฝนที่โลกตกลงมาเป็นสายน้ำ แต่ฝนที่ดาวดวงนี้ตกลงมาเป็นเหล็กหลอมเหลว เหตุผลที่มันเป็นแบบนี้ก็เพราะว่ามันเป็นดาวเคราะห์นอกระบบสุริยะ และเนื่องจากว่ามันมีวงโคจรที่อยู่ใกล้กับดาวฤกษืเป็นเป็นอน่างมากมันใช้เวลาเพียง 1.8 วัน บนโลกในการหมุนรอบตัวเอง และโคจรรอบๆ ดาวฤกษ์ 1 รอบ นั้น

ทำให้มันโคจรรอบดาวฤกษ์โดยที่หันด้านเดียวเข้าหากันเสมอ แบบเดียวกับที่ดวงจันทรืหันเพียงรอบเดียวหันเข้าหาโลกของเรา ดวงความที่ใกล้ในระดับนี้ทำให้อุณหภูมิด้านที่หันเข้าหาดาวฤกษ์พุ่งไปถึง 2,400 องศาเซลเซียส และอีกด้วนที่หันเข้าสู่ความมืดในยามราตรีนิรัน ก็มีอุณหภูมิเพียง 1,000 องศาเซลเซียสด้วยกัน

อย่างไรก็ตามดาวเคราะห์นอกระบบดวงนี้ไม่ใช่ดาวเคราะหืเพียงดวงเดียวที่มีสภาพอากาศที่ไม่เป็นมิตรต่อการที่จะมีสิางมีชีวิตอาศัยอยู่ อย่างที่เราได้กล่าวไปเบื้องต้นว่ามีดาวเคราะห์ต่างๆ มากมาย ที่มีฝนตกเหมือนกับดลกของเราแต่ฝนที่ตกลงมานั้นไม่ได้เป็นหยดน้ำอย่างที่เราคุ้นเคยกัน แต่มันจะเป็นแร่ธาตุอัญมณี หรืออะไรอีกต่างๆ มากมาย ซึ่งเราก็อยากให้ทุกคนลองไปศึกษากันดู

 

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  dewabet

วัตถุที่ได้ลอยโคจรอยู่รอบโลก

สิ่งมีชีวิตนอกโลก?

ในปี2014ทางองค์กร Roscosmosได้รับข้อมูลบางอย่างที่น่าตกใจแต่ยังไม่มีการยืนยันถึงข้อเท็จจริงใดๆ โดยได้มอบข้อมูลให้กับแหล่งข่าวของรัสเซียที่มีชื่อว่าitar-Tass ซึ่งยังได้มีการรายงานว่า นักบินอวกาศรัสเซียพบร่องรอยของสิ่งมีชีวิตที่นอกสถานีอวกาศนานาชาติได้กล่าวกันว่าการค้นพบนี้เกิดจากการศึกษาคราบที่เกิดขึ้นอยู่นอกสถานมาเป็นเวลานานคาดว่ามีการเก็บตัวอย่างมาจากบานหน้าต่างของสถานีนั่นเอง

โดยเมื่อได้ทำการวิเคราะห์ลักษณะจุลชีพแล้วพบว่ามีความใกล้เคียงกับแพลงตอนที่ได้อยู่ในทะเลบนโลกจึงได้ทำให้เหล่านักวิทยาศาสตร์ต่างก็ได้แปลกใจว่าเหตุใดสิ่งมีชีวิตที่ควรจะอยู่ในทะเลถึงได้มาอยู่บนอวกาศเช่นนี้ได้และที่สำคัญมันมาจากไหน ซึ่งได้มีบางคนได้สันนิษฐานว่า สิ่งที่มีชีวิตนี้มันอาจจะติดมากับจรวดหรือบางทีมันอาจจะมาจากชั้นบรรยากาศโลกนั่นเอง

จากข้อมูลทางการศึกษาก่อนหน้านี้ที่เคยมีการค้นพบมีสิ่งมีชีวิตที่ยังลอยอยู่เหนือจากพื้นผิวโลกถึงประมาณ25ไมล์และในปี2017พบฟอสซิลแบบคทีเรียที่ได้มีอายุประมาณ4พันล้านปีจึงมีความเป็นไปได้อย่างมากที่จะมีสิ่งมีชีวิตจากอวกาศมาเยือนโลก เมื่อได้เป็นเช่นนี้มันจึงได้เกิดคำถามถึงสิ่งที่นักบินอวกาศชาวรัสเซียได้พบในปี2014แต่ทางนาซาเองเขาก็ได้กลับเพิกเฉยและได้ปฏิเสธที่มีความเกี่ยวกับสิ่งที่พบนี้ว่ามันไม่เคยมีรายงานเช่นนี้มาก่อน

ข้อมูลลับในถุงขยะ

ในครั้งแรกที่ได้เห็นสถานีอวกาศเมียร์ ของรัสเซีย ทางด้านนักบินอวกาศนาซาได้เปรียบเทียบว่าเหมือนกับเอารถโรงเรียนหกคันมามัดไว้รวมกันไว้และส่วนภายในของสถานีนั้นมันก็ไม่ได้มีสภาพที่ไม่ต่างไปจากภายนอก ซึ่งมันได้เต็มไปด้วยเครื่องมือที่ชำรุดและถุงขยะลอยไปมานอกจากนี้ยังได้มีการรายงานมาอีกว่าในระหว่างที่มีการปฏิบัติการนอกสถานี

 

มักจะมีวัตถุปริศนาที่ไม่สามารถระบุได้ปรากฏขึ้นทุกครั้งหลังภารกิจ โดยหลายคนได้เชื่อกันว่าสิ่งเหล่านี้นั้นมันคือขยะที่เหล่านักบินอวกาศทิ้งเอาไว้นอกยานแทนที่จะนำกลับมายังโลกทางด้านรัสเซียไม่เคยยอมรับว่าโยนขยะออกมาจากนอกสถานีแต่กลับมีข่าวลือที่ยืนยันได้ว่ามีการทิ้งขยะจริงโดยได้มีการตั้งข้อสันนิษฐานว่า แท้ที่จริงแล้วถุงขยะเหล่านี้อาจจะมีข้อมูลลับบางอย่างที่ไม่สามารถนำกลับมายังโลกได้นั้นเอง สำหรับแบล็คไนท์

นักวิจัยที่ทำการศึกษาเกี่ยวกับยูเอฟโอได้กล่าวถึงดาวเทียมแบล็คไนท์ที่เชื่อว่าน่าจะโคจรรอบโลกมานานกว่า13,000ปีแม้ว่าข้อมูลเกี่ยวกับวัตถุนี้นั้นมีเพียงน้อยนิดแต่ว่าสิ่งนี้มีวงโคจรผ่านขั้วโลกโดยมาจากสิ่งมีชีวิตต่างดาว

 

สนับสนุนโดย  dewabet

การเดินทางของนักสำรวจที่ไปยังหมู่เกาะแรงเกล

Ada Blackiack

โดยเริ่มแรกนั้นคณะนักสำรวจทั้งสี่คนนั้นก็ได้ออกเดินทางเพื่อที่จะไปยังในหมู่บ้านแห่งหนึ่งในรัฐอลาสก้าเพื่อที่จะเข้าไปติดต่อว่าจ้างชาวเอสกิโมเพื่อให้ทำหน้าที่คอยให้ความช่วยเหลือพวกเขาในระหว่างที่พวกเขานั้นกำลังตั้งแคมป์อยู่บนเกาะแรงเกลในเวลาประมาณ4ปีแต่เนื่องจากมันได้เป็นระยะเวลาที่มันนานเกินไป

จึงได้ทำให้ไม่มีชาวเอสกิโมคนไหนที่จะขอรับงานดังกล่าวแต่ทว่าได้มีหญิงสาวชาวเอสกิโมคนหนึ่งได้กลับสนใจที่จะยอมรับงานที่ว่ามานี่และเธอก็ได้มีนามว่า  เอด้า แบล็กแจ็ก เอด้า แบล็กแจ็ก ได้มีอายุเพียงแค่ประมาณ23ปีเธอได้เป็นแม่ม้ายเลี้ยงเดียวและเธอก็ยังจะต้องเลี้ยงดูแลลูกชายในวัยประมาณ5ขวบที่ได้มีอาการป่วยเป็นวันละโรคเพียงลำพังเธอนั้นได้มีฐานะที่ยากจนและเธฮนั้นก็จำเป็นที่จะต้องการที่จะใช้เงินเป็นจำนวนมากเพื่อที่เธอนั้นจะเก็บเอาไว้

เพื่อที่จะเอาไว้ใช้รักษาลูกชายของเธอให้หายเป็นปกติ ซึ่งโดยคณะนักสำรวจก็ได้เสนอเงินจำนวนหนึ่งได้เป็นจำนวนประมาณ50ดอลลาร์สหรัฐต่อเดือน ซึ่งในสมัยนั้นย่อมเป็นจำนวนเงินที่สูงมากจึงทำให้ตัวเธอนั้นจำเป็นที่จะต้องภาคลูกไปและเมื่อในวันที่9กันยายน ในปี คศ.1921 เธอและก็พวกเหล่านักคณะสำรวจก็ได้ออกเดินทางที่จะไปใช้ชีวิตยังที่เกาะแรงเกล ซึ่งโดยคณะนักสำรวจต่างก็ได้แต่คาดหวังในตัวเธอเอาไว้มาก

และในทุกคนนั้นต่างก็ได้คิดเอาไว้ว่าเธอนั้นน่าจะมีสกิลได้การเอาตัวรอดตามแบบฉบับของชาวเอสกิโมได้เป็นอย่างดีและพวกเขานั้นจะหารู้ไม่หรือว่า เอด้า แบล็กแจ็ก นั้นเขาไม่รู้เรื่องในการเอาตัวรอดใดๆเลยเธอรู้แต่แค่เพียงเรื่องของการทำอาหารและการตัดเย็บเสื้อผ้าเพียงเท่านั้น ซึ่งนักคณะสำรวจก็ได้เดินทางมาถึงยังที่หมู่เกาะแรงเกลเมื่อในวันที่16กันยายน ในปี คศ.1921โดยได้มีการเตรียมเสบียงมาเพียงพอแค่เลี้ยงชีพในระยะเวลาแค่เพียง6เดือนเท่านั้น

จนในกระทั่งเมื่อเสบียงนั้นหมด  เอด้า แบล็กแจ็ก นั้นก็ไม่สามารถที่จะหาเสบียงนั้นเพิ่มได้จึงทำให้เหล่านักสำรวจนั้นต้องแยกย้ายออกกันไปหาเสบียงกันเอาเองแต่ก็ไม่สามารถที่จะหาเสบียงได้เลยเพราะในเวลานั้นได้เป็นช่วงฤดูหนาวที่มีสภาพอากาศที่เลวร้ายมากอุณหภูมิติดลถึง50องศาเซลเซียสพวกเขาจึงตัดสินใจให้สมาชิกในกลุ่มทั้งสามคนนำเลือนหิมะออกไปเสบียงที่แผ่นดินใหญ่ที่อยู่ห่างไกลออกไปประมาณ140กิโลเมตร

ส่วนคนที่เหลือนั้นมีหน้าที่เฝ้าแคมป์อยู่บนเกาะจนกว่าที่พวกเขาทั้งสามจะกลับมารอแล้วรอเล่านักสำรวจทั้งสามคนที่ออกไปหาเสบียงก็ยังไม่กลับมาสักทีทำให้ เอด้า และคนที่อยู่ที่แคมป์ต้องใช้ชีวิตแบบหิวโหยท่ามกลางสภาพอากาศที่หนาวจัด

 

ขอบคุณผู้ให้การสนับสนุนโดย  dewabet