ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับดวงจันทร์

ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับดวงจันทร์

     เมื่อเรามองไปบนท้องฟ้าเราจะเห็นดวงจันทร์มีขนาดใหญ่โตมากซึ่งหลายคนนั้นเข้าใจว่าดวงจันทร์นั้นอยู่ใกล้โลกมากแต่คุณรู้หรือไม่ว่าแท้ที่จริงแล้วดวงจันทร์กับโลกนั้นห่างกัน โดยนักวิทยาศาสตร์ได้เคยมีการเข้าไปสำรวจและพบว่าในครั้งแรกที่มีการสำรวจพบว่าดวงจันทร์กับโลกนั้นห่างกันอยู่ที่ประมาณ 14000 ไมล์

        อย่างไรก็ตามเมื่อเวลาเปลี่ยนไปจะเห็นได้ว่าดวงจันทร์กับโลกนั้นมีการหมุนห่างกันออกไปเรื่อยๆซึ่งจากการสำรวจของนักวิทยาศาสตร์

พบว่าในทุกๆปีนั้นโลกกับพระจันทร์จะห่างกันประมาณ 3.8 cm ซึ่งทำให้ล่าสุดนั้นผลการสำรวจพบว่าจากเดิมที่พบว่าห่างกันเพียงแค่ 14,000ไมล์ แต่ปัจจุบันนั้นห่างกัน 520,000 ไมล์แล้ว และเมื่อเวลาผ่านไปเรื่อยๆโลกกับพระจันทร์ก็จะยิ่งห่างกันออกไปเรื่อยๆนั่นเอง

และเมื่อเป็นเช่นนี้นักวิทยาศาสตร์ก็คำนวณแล้วว่าอีกช่วงประมาณ 600 ล้านปีนั้นจะทำให้เราแทบมองไม่เห็นดวงจันทร์และที่สำคัญเราจะมองไม่เห็นการเกิดจันทรุปราคาอีกต่อไปนั่นเอง 

          อย่างไรก็ตามเชื่อว่าหลายคนคงเคยรู้จักปรากฏการณ์น้ำขึ้นน้ำลงกันมาบ้างแล้ว  เครื่องช่วยฟัง   และก็เคยศึกษากันมาบ้างแล้วว่าการเกิดน้ำขึ้นน้ำลงนั้นเกิดจากการแรงดึงดูดของดวงจันทร์เนื่องจากว่าแรงดึงดูดของดวงจันทร์นั้นมีอิทธิพลต่อการขึ้นลงของน้ำในมหาสมุทร ซึ่งจะสังเกตได้ว่าน้ำนั้นจะขึ้นสูงสุดในวันที่พระจันทร์เต็มดวง

        นอกจากนี้ถ้าหากว่ามีการพูดถึงเรื่องของอุณหภูมิบนดวงจันทร์แล้วจะเห็นได้ว่าอุณหภูมิบนดวงจันทร์นั้นมีความผันผวนเป็นอย่างมาก

ซึ่งทำให้เรานั้นไม่สามารถไปอาศัยบนดวงจันทร์ได้นั่นเองจากการสำรวจของนักวิทยาศาสตร์พบว่าบริเวณพื้นที่ที่ใกล้เส้นสูงสุดของดวงจันทร์นั้นอุณหภูมิบนดวงจันทร์จะมีการเพิ่มสูงขึ้นมากกว่าโลกถึง 279 องศาฟาเรนไฮน์หรือประมาณติดลบ 173 องศาเซลเซียส

ซึ่งเป็นอุณหภูมิบนดวงจันทร์ในช่วงเวลากลางคืนแต่ถ้าเป็นอุณหภูมิบนดวงจันทร์ในช่วงเวลาบ่ายภูมิกับอยู่ที่ 260 องศาฟาเรนไฮน์หรือ 127 องศาเซลเซียส  ซึ่งจะเห็นได้ว่าเวลากลางวันและเวลากลางคืนนั้นอุณหภูมิมีความผันผวนเป็นอย่างมากเลยทีเดียว 

        นอกจากนี้ถ้าหากเปรียบเทียบดวงจันทร์กับโลกในระยะเวลา 1 วันเท่ากันแล้วจากการสำรวจของนักวิทยาศาสตร์พบว่า 29 วันบนโลกเท่ากับ 1 วันบนดวงจันทร์ซึ่งเหตุผลที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าดวงอาทิตย์ใช้เวลานานมากกว่าจะข้ามผ่านท้องฟ้าของดวงจันทร์ 

        ดังนั้นจะเห็นได้ว่าเรื่องราวความรักของดวงจันทร์นั้นมีเยอะแยะมากมายเต็มไปหมดซึ่งเราคงต้องค่อยๆศึกษาค้นคว้ากันต่อไป เชื่อว่าไม่มีเรื่องไหน ที่นักวิทยาศาสตร์จะหาคำตอบไม่ได้ เพียงแต่อาจจะต้องใช้เวลานานหน่อยเท่านั้นเอง 

การสูญพันธุ์ของไดโนเสาร์ 

         เมื่อพูดถึงไดโนเสาร์หลายคนคงชื่นชอบมันเป็นอย่างมากเพราะมันเป็นสัตว์ในตำนานที่มีความยิ่งใหญ่อลังการจะเห็นได้จากปัจจุบันนั้นคนมีการนำเรื่องราวเกี่ยวกับเรื่องของไดโนเสาร์ซึ่งเป็นสัตว์ในยุคดึกดำบรรพ์มาสร้างเป็นภาพยนตร์และละครต่างๆมากมายให้ผู้คนได้ชม

และได้รับรู้กันว่าในสมัยโบราณเมื่อหลายล้านปีมาแล้วนั้นโลกเราเคยมีสัตว์ที่ชื่อว่าไดโนเสาร์

ภาคมีหลายสายพันธุ์แต่มันก็เป็นเพียงแค่อดีตและปัจจุบันนั้นไดโนเสาร์ไม่มีจริงมีเพียงแค่ซากฟอสซิลที่เราสามารถพบเจอเพียงเท่านั้นซึ่งจะเห็นได้จากว่าทุกคนให้ความสนใจเกี่ยวกับเรื่องของไดโนเสาร์เป็นอย่างมากเพราะมีพิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับไดโนเสาร์เยอะแยะมากมายเต็มไปหมด

ในทั่วโลกที่เราสามารถเดินทางไปเยี่ยมชมได้แล้วมีการนำกระดูกไดโนเสาร์ซากฟอสซิลของไดโนเสาร์มาจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์ดังกล่าวนั้นเยอะแยะมากมาย 

          อะไรก็ตามจากการศึกษาของนักวิทยาศาสตร์ซึ่งตรวจสอบจากซากฟอสซิลที่ขุดเจอพบว่าไดโนเสาร์เคยมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ก่อนที่มนุษย์และมันก็ได้สูญพันธุ์ไปก่อนที่มันจะเกิดขึ้นซึ่งการสูญพันธุ์ของไดโนเสาร์นั้นนักวิทยาศาสตร์คาดการณ์ว่ามันสูญพันธุ์มาแล้วมากกว่า 65 ล้านปี

อย่างไรก็ตามนักวิทยาศาสตร์ได้มีการสงสัยและต้องการหาความรู้ว่าการสูญพันธุ์ของไดโนเสาร์ครั้งใหญ่น้อยลงมีต้นเหตุหรือสาเหตุมาจากอะไร ซึ่งในยุคที่ไดโนเสาร์ยังคงมีอยู่มันเกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้กันแน่ที่ทำให้ไดโนเสาร์ซึ่งเป็นสัตว์ยักษ์ใหญ่ต้องกลายเป็นสัตว์สูญพันธุ์หรือเป็นเพียงแค่ตำนาน 

        ด้วยความอยากรู้อยากเห็นของนักวิทยาศาสตร์นี่เองที่ทำให้เกิดทฤษฎีต่างๆขึ้นมามากมาย เพื่อนำมาใช้เป็นคำอธิบายในการตอบคำถามเกี่ยวกับเรื่องของการสูญพันธุ์ของไดโนเสาร์ซึ่งทฤษฎีต่างๆนั้นมีเพียงแค่ 2 ทฤษฎีใหญ่ๆที่มีความน่าจะเป็นไปได้มากที่สุดนั่นก็คือ  นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าการที่ไดโนเสาร์สูญพันธุ์นั้นเกิดขึ้นมา

จากการที่อาจจะมีอุกกาบาตหรือไม่ดาวหางดวงใหญ่ๆพุ่งมาชนโลก หรือ  ชุดตรวจ hiv    อาจจะเกิดจากการที่บนโลกใบนี้มีภูเขาไฟเกิดขึ้นและภูเขาไฟก็มีการเกิดการปะทุครั้งใหญ่ส่งผลทำให้เราอาศัยและทำให้ไดโนเสาร์นั้นถูกไฟจากลาวาคลอกตาย

         นอกจากนี้ถ้าหากว่าเรานึกว่ามีๆกรณีที่อุบาทว์ผู้ชมโลกหรือแม้แต่ภูเขาไฟระเบิดเหตุการณ์เหล่านี้จะส่งผลทำให้โลกใบนี้มีฝุ่นเต็มไปหมดแล้วด้วยตัวเองที่มันกระจายไปทั่วทำให้บดบังแสงอาทิตย์ที่สาดส่องลงมายังโลกส่งผลทำให้สิ่งมีชีวิตภายในโลกใบนี้นั้นมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างเช่นต้นไม้ก็อาจจะตาย

เพราะว่าไม่มีแสงแดดมาสังเคราะห์รวมถึงสัตว์ต่างๆก็อาจจะตายและสูญพันธุ์ได้ อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าทฤษฎีนี้จะมีความเป็นไปได้ค่อนข้างจะร้อยเปอร์เซ็นต์แต่ก็ไม่สามารถที่จะฟันธงได้เพราะไม่มีหลักฐานที่จะสามารถยืนยันทฤษฎีต่างๆที่นักวิทยาศาสตร์ได้ลองคิดขึ้นมาจึงทำให้ปัจจุบันนี้เรายังไม่สามารถรู้สาเหตุของการสูญพันธุ์ของไดโนเสาร์ได้อย่างแท้จริงนั่นเอง 

คุณรู้หรือไม่ว่าสมองของไอสไตน์แตกต่างจากสมองของคนเราอย่างไร

คุณรู้หรือไม่ว่าสมองของไอสไตน์  เชื่อว่าหลายคนคงรู้จักอัลเบิร์ตไอน์สไตน์กันเป็นอย่างดีเนื่องจากว่าเขาเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียงเป็นอย่างมากและเขาเป็นบุคคลที่ถือว่าฉลาดติดอันดับต้นๆของโลกเรียกได้ว่าเขาเป็นบุคคลอัจฉริยะเลยก็ว่าได้ซึ่งคุณเคยสงสัยไหมว่าทำไมไอสไตน์

ถึงมีมันสมองที่ฉลาดกว่าบุคคลทั่วไปสมองของไอสไตน์และมีความแตกต่างจากสมองของคนทั่วไปอย่างไรซึ่งในบทความนี้เราจะมาหาข้อมูลและมาทำการวิเคราะห์กัน

        อย่างไรก็ตามคุณรู้หรือไม่ว่าหลังจากที่ ไอสไตน์ ได้เสียชีวิตลงนั้นเขาก็ได้รับการดูแลเป็นอย่างดีด้วยหลังจากที่เขาตายไปยังไม่เกิน 8 ชั่วโมงนายแพทย์ก็ได้มีการผ่าเอาสมองของไอสไตน์ออกมาเพื่อดูว่าสมองของเขานั้นมันแตกต่างจากสมองของคนทั่วไปอย่างไรจึงจะสามารถได้ข้อพิสูจน์เกี่ยวกับเรื่องของความแตกต่างของสมองของไอสไตน์และสมองของคนทั่วไปนั่นเอง 

       อย่างไรก็ตามหากใครที่มีการศึกษาเกี่ยวกับเรื่องของชีววิทยาจะทราบเกี่ยวกับเรื่องของการทำงาน  มั่งมีหวย    ของระบบสมองซึ่งสมองของคนเรานั้นแบ่งออกเป็นหลายส่วนทั้งสมองส่วนหน้าสมองส่วนกลางและสมองส่วนหลังซึ่งสมองแต่ละส่วนนั้นก็จะมีหน้าที่แตกต่างกันออกไป

อย่างเช่นสมองส่วนที่ควบคุมเกี่ยวกับเรื่องของอารมณ์ระบบประสาทต่างๆไม่ว่าจะเป็นความดันอุณหภูมิร่างกายความหิวความง่วงทั้งหมดก็จะอยู่ภายใต้การควบคุมของสมองส่วนที่เรียกว่าไฮโปทาลามัสนั่นเอง

           หรือถ้าหากว่าเกี่ยวกับเรื่องของความจำความรู้ต่างๆก็จะต้องอยู่ภายใต้การดูแลของเซรั่มหรือแม้แต่กล้ามเนื้อ

การสั่งการเรื่องของการกินอาหารการเคี้ยวอาหารการได้รสกลิ่นเสียงต่างๆก็จะมีส่วนอื่นๆที่เข้ามาดูแลดังนั้นความแตกต่างของสมองของไอสไตน์และสมองของคนเราก็จะแตกต่างจากสมองส่วนนี้เพราะไอน์สไตน์นั้นจะมีสมองส่วนที่เป็นอัลบั้มซึ่งเป็นสมองส่วนที่มีความรู้ความจำความเข้าใจเป็นอย่างดีนั้นใหญ่กว่าสมองส่วนอื่นๆของร่างกายนั่นเองทำให้เขามีความจำเป็นเลิศมีความฉลาดมากกว่าคนธรรมดาทั่วไปนั่นเอง 

            อย่างไรก็ตามสมองทุกส่วนเนื้อมีความสำคัญต่อร่างกายทั้งหมดถ้าหากว่าสมองส่วนใดส่วนหนึ่งนะสูญเสียหรือไม่ครบประกอบชำรุดก็จะทำให้บุคคลดังกล่าวนั้นกลายเป็นบุคคลที่ไม่สมประกอบก็เป็นไปได้เช่นสมองส่วนที่สั่งการเกี่ยวกับเรื่องของการกินอาหารการแสดงกล้ามเนื้อใบหน้า

หรือการได้กลิ่นการรับรสถ้าสมองส่วนนี้มีปัญหาบกพร่องก็อาจจะทำให้การเคี้ยวอาหารการกินอาหารทำงานได้ไม่มีประสิทธิภาพหรืออาจจะกินอาหารไม่ได้เลยก็เป็นไปได้จะต้องมีการกินอาหารผ่านทางสายยางหรือถ้าเกิดว่าสมองส่วนที่เป็นไฮโปทาลามัสมีความบกพร่องก็จะทำให้ร่างกายนั้นไม่แข็งแรงมีอาการหงุดหงิดง่ายเป็นต้น

จักรวาลคู่ขนาน Anti Universe

จักรวาลคู่ขนาน Anti Universe  เชื่อว่าหลายคนคงน่าจะคุ้นหูกับคำว่า Anti Universe ที่ดอกเตอร์ สเตรนจ์ ได้เอ่ยถึงหลังจากที่ทางปีเตอร์ปาร์คเกอร์สไปเดอร์แมนของเราในเวอร์ชั่น Marvel ได้ขอให้ทาง Doctor สเตรนจ์นั้น 

ได้แก้ไขลบความทรงจำบางสมนุษย์โลกเพื่อแก้ไขบางสิ่งบางอย่างที่เขานั้นเคยทำผิดพลาดแต่ระหว่างที่ ดร. สเตรนจ์

กำลังร่ายคาถาเกิดการก่อกวนจากปีเตอร์ปาร์คเกอร์เนื่องจากเขามีความต้องการให้คนบางคนที่เขายังรักนั้นจำเขาได้อยู่นั้นจึงทำให้คาถาของ ดร. สเตรนจ์นั้นเกิดความแปรปรวนจนทำให้โลกคู่ขนานจากหลายมิติเดินทางมายังโลกปัจจุบันของเรานั้นเองจึงเป็นสาเหตุให้สไปเดอร์แมนทั้งสภาพ

หรือถ้าต่างภาพยนตร์จะเรียกว่าสไปเดอร์แมนจากทั้งสามโลกนั้นมาเจอกันรวมถึงเหล่าวายร้ายที่มาจากมิติอื่นๆเช่นเดียวกันนี้จึงเป็นที่มาของคำว่า มัลติเวิร์ส 

             ที่นี้เมื่อเราดูภาพยนตร์แล้วคำว่า มัลติเวิร์ส ดูจะไกลจากความเป็นจริงมากๆเพราะว่าใครจะไปคิดว่าในทุกๆวันที่เราดำเนินชีวิตอยู่นั้น

จะมีอีกมิติหนึ่งที่มีวิถีชีวิตที่ดำเนินอยู่เหมือนกับเราอยู่ด้วยแต่เราเรื่องราวเหล่านี้ก็ไม่ไกลเกินเอื้อมเนื่องจากนักวิทยาศาสตร์ได้พบทฤษฎีใหม่ที่ว่าโลกคู่ขนานหรือจักรวาลคู่ขนานนั้นอาจจะมีอยู่จริง

              ย้อนกลับไปราวกับหมื่นพันล้านปีก่อนจักรวาลของเรานั้นได้ถือกำเนิดขึ้นโดยระเบิดครั้งยิ่งใหญ่ที่นักวิทยาศาสตร์เรียกว่าการระเบิดบิกแบง   สำหรับการระเบิดบิกแบงก่อให้เกิดพลังงานมหาศาลครั้งยิ่งใหญ่ต่างจากน้อยใหญ่มากมายรวมถึงแหล่งรวมพลังงานในจักรวาลดาวฤกษ์นับไม่ถ้วนแต่แล้วการระเบิดบิกแบงและการกําเนิดจักรวาลในครั้งนั้นมันไม่ได้ให้สร้างจักรวาลที่เราอาศัยอยู่เพียงจักรวาลเดียวแต่มันสร้างจักรวาลคู่ขนานหรือ  Anti Universe ขึ้นมาด้วย

            โดยที่ Anti Universe  เป็นจักรวาลสะท้อนของจักรวาลของเราเหมือนภาพเราในกระจกเรื่องราวเหล่านี้ถูกศึกษาจากนักวิทยาศาสตร์สถาบัน เพเรมิเตอร์จากประเทศแคนาดาบัวขาวศึกษาเรื่องราวของหรือทางฟิสิกส์และจักรวาลซึ่งพบว่ามีความเป็นไปได้ที่  alpha88   เมื่อครั้งกำเนิดจักรวาลนั้นจะมีการเกิด  Anti Universe ขึ้นมาพร้อมกัน

ด้วยจะดำรงไปสวนทางกับจักรวาลของเราโดยที่ Anti Universe เวลาจะเดินถอยหลังตรงกันข้ามกับจักรวาลของเราที่ดำรงชีวิตอยู่ซึ่ง Anti Universe นอกจากเวลาจะสวนทางกับจักรวาลของเราแล้ว สสารของมันทั้งหมดก็จะตรงข้ามกับเราด้วยกลายเป็น antimatter ตามทฤษฎีสมมาตร 

        ในทุกๆอนุภาคทุกๆเวลาจะมีด้านสมมาตรที่เป็นคู่ตรงข้ามเสมอซึ่งทฤษฎีนี้เองอาจช่วยขยายความเรื่องสสารมืดสสารพลังงานลึกลับที่โลกไม่สามารถระบุได้ว่ามันเกิดขึ้นที่ไหนเพราะหากจักรวาลของเรามี Anti Reverse จริงๆในอ จะน่าจะมีการรวมกลุ่มมีพลังงานและมีสสารที่เรานั้นยังไม่เคยรู้จักและไม่สามารถศึกษาได้ 

ใช้คำที่เชื่อมโยงกัน

โลกของเราใบนี้มีสิ่งที่เรายังไม่ได้เรียนรู้อีกมากมาย และเชื่อได้เลยว่าใครหลายๆคนก็อาจจะยังไม่เคยได้เรียนรู้สิ่งที่อยู่ใกล้ตัว

      ใช้คำที่เชื่อมโยงกัน แม้แต่สิ่งที่เราคิดว่าเรารู้จักมันดี เราก็อาจจะไม่รู้จักมันเลยก็เป็นไปได้ อย่างเรื่องราวที่เรากำลังจะพาทุกคนไปทำความรู้จักในวันนี้นั้น เป็นเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับการใช้คำเชื่อมโยง   การใช้คำเชื่อมโยง หลายคนอาจจะมองว่าเรากำลังจะพูดถึงเรื่องราว ที่เกี่ยวข้องกับภาษา ใช่มันเป็นเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับภาษาและการใช้คำ

  แต่ทว่ามันคือเคล็ดลับในการจดจำสิ่งต่างๆให้ได้เร็วมากกว่าคนอื่นนั้นเองซึ่งจะมีความน่าสนใจมากน้อยแค่ไหน  เราไปทำความรู้จักและติดตามมันพร้อมกันเลยดีกว่า

มีหลายสิ่งหลายอย่างต่างๆมากมาย ที่มีความเชื่อมโยงกันไม่ว่าจะเป็นรูปภาพ ภาษา หรือแม้แต่ละวัฒนธรรม ที่คุณอาจยังไม่เคยได้รับรู้มาก่อน  แน่นอนสิ่งที่เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักในวันนี้นั้น เป็นเคล็ดลับในการทำสิ่งต่างๆให้ได้เร็วมากกว่าคนอื่น ทำไมเราถึงหยิบยกคำเชื่อมโยงขึ้นมา เพราะว่าสิ่งที่เรากำลังจะพาทุกคนไปทำความรู้จักในวันนี้ มันเป็นเทคนิคและเคล็ดลับในการเชื่อมโยงคำ คำแต่ละคำนั้น 

    มีความหมายที่แตกต่างกัน อย่างเช่น ในภาษาไทย ถึงแม้ว่าความหมายแตกต่างกัน แต่ทว่ามันก็มีการออกเสียงเหมือนกัน หรือแม้แต่ออกเสียงเหมือนกัน แต่ว่าเขียนแตกต่างกัน ดังนั้นแล้วเราจึงหยิบยกเทคนิคจังหวะนี้ขึ้นมาพูดถึง เกี่ยวกับการใช้คำเชื่อมโยงกันนั้นเอง

เทคนิคนี้คือการเชื่อมโยงสิ่งที่เรียนรู้ ในสิ่งที่ยังไม่เคยเจอ ตัวอย่าง เช่น หากคุณต้องการจดจำ  alpha88    คำว่ากังฟูในภาษาฝรั่งเศส คุณควรเชื่อมกับคำว่ากำแพง และคำอื่นๆที่คุณสามารถเชื่อมโยงกับกังฟูได้อย่างมีเหตุผล แน่นอนว่าเคล็ดลับดังกล่าวนั้น เป็นสิ่งที่เราได้พูดถึงไปเพียงนิดหน่อยเท่านั้นของข้อมูลทั้งหมด 

ซึ่งตัวอย่างดังกล่าวมาให้ทุกคนที่ไปลองศึกษาและทำความเข้าใจเกี่ยวกับเทคนิคดังกล่าวเพิ่มเติมดู เพราะว่าคุณจะได้เรียนรู้และจดจำสิ่งที่เกิดขึ้นไปเพิ่มเติมอีกด้วยอย่างไรก็ตามนอกจากการเชื่อมคำ ที่มีความเชื่อมโยงกันแล้ว  ก็ยังมีเคล็ดลับอีกมากมายที่ทำให้เราสามารถจดจำสิ่งต่างๆได้รวดเร็วมากกว่าคนอื่น

ไม่ว่าจะเป็นการสร้างความจำของตนเอง ซึ่งก็จะต้องพูดถึงตัวละครถ้าหากว่าพูดถึงทฤษฎีดังกล่าวนี้ หรือแม้แต่เรียนรู้สิ่งที่ตรงกันข้าม สำหรับสิ่งที่ตรงกันข้าม ถ้าหากว่าเราได้มีการเรียนรู้เราก็จะสามารถแยกออกว่า มันแตกต่างกันยังไงบ้างแล้วก็จะทำให้เราได้จดจำมันได้เร็วเพิ่มขึ้นนั่นเอง

เรียนรู้สิ่งที่ตรงกันข้าม

เราไม่อาจจะปฏิเสธถึงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในโลกใบนี้ และเรื่องราวที่จะนำเสนอในวันนี้เป็นเรื่องราวที่ใครหลายคนอาจยังไม่เคยได้รับรู้มาก่อน มันสิ่งที่เราได้เกิดการเรียนรู้และทำมันจนเป็นสิ่งที่เกิดเป็นรูปแบบหรือเป็นเคล็ดลับ  ที่จะทำให้คุณนั้นทำสิ่งต่างๆได้เร็วเพิ่มมากยิ่งขึ้น

ซึ่งเคล็ดลับดังกล่าวนั้น ก็ไม่ใช่เรื่องราวที่น่าเกลียดอะไรมากนัก  มันก็คือการเรียนรู้สิ่งที่อยู่ตรงกันข้ามนั้นเอง  การเรียนรู้สิ่งที่อยู่ตรงกันข้ามจะทำให้เราจำเร็วขึ้นได้อย่างไร ในวันนี้เรามีคำตอบเกี่ยวกับคำถามดังกล่าวนี้

เรียนรู้สิ่งที่ตรงกันข้าม แน่นอนว่ามีเคล็ดลับต่างๆมากมาย ที่เรานำมาใช้ในการเอาชีวิต อยู่รอดในการเรียนรู้สิ่งต่างๆมากมายบนโลกใบนี้ และเรื่องราวที่มีความน่าสนใจที่เรากำลังจะพาทุกคนไปทำความรู้จัก เป็นเคล็ดลับในการจดจำสิ่งต่างๆให้ได้เร็วมากกว่าคนอื่น  แต่แน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้อาจจะเคยเกิดกับหลายคนโดยไม่รู้ตัว และบางคนก็ได้มีการนำเอามาใช้ 

ซึ่งหลายคนก็ทำมันได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นการที่เราพยายามเข้าใจสิ่งที่เราได้เรียนรู้มา  การที่เราพยายามเรียนรู้ทำความเข้าใจกัน ถือได้ว่าเป็นสิ่งที่ดีมากๆเลยทีเดียวมันจะทำให้เราได้ทบทวนข้อมูลที่เราได้รับมา  หรือแม้แต่การเรียนรู้ข้อมูลที่จำเป็นที่สุด และก็ส่วนที่สำคัญที่สุดในตอนต้นและตอนท้าย

หรือแม้แต่ทฤษฎีการรบกวน ซึ่งทฤษฎีดังกล่าวนี้ก็พูดถึง เกี่ยวกับทฤษฎีการรบกวนสิ่งรบกวนต่างๆ  หวยดี    ถ้าหากว่าเรากำลังสนใจสิ่งใดสิ่งหนึ่งอยู่  แน่นอนว่าเราไม่สามารถตรวจสอบมันได้ดังนั้นแล้วเราควรที่จะไปทำในสิ่งอื่น ที่ไม่ใช่สิ่งที่เรากำลังทำอยู่ก่อน  ก่อนที่เราจะกลับมาเรียนรู้สิ่งที่เรากำลังเรียนรู้อยู่ก่อนหน้านี้

แน่นอนทฤษฎีหรือว่าเรื่องราวที่เป็นเคล็ดลับ  ที่เรากำลังจะพูดถึงนั้นมันเกี่ยวกับสิ่งที่ตรงกันข้าม  การเรียนรู้สิ่งที่ตรงกันข้าม  สิ่งที่ตรงกันข้ามตามการบันทึกของนักจิตวิทยา ระบุว่าจะจดจำได้ง่าย  ตัวอย่าง เช่น หากคุณกำลังเรียนรู้ลักษณะทางกายภาพของโลก ก็เพียงให้จดจำกลางวันและกลางคืนเป็นคู่ 

วิธีนี้คุณจะสร้างความเชื่อมโยงระหว่างสองสิ่งนี้ในใจของคุณ  ดังนั้นหากคุณลืมเรื่องหนึ่งในนั้น คำที่ตรงกันข้ามจะช่วยให้คุณจำได้เอง  นอกจากสิ่งที่เราที่กล่าวไปข้างต้นแล้ว  ก็ยังมีอะไรอีกมากมายที่มีความน่าสนใจเป็นอย่างมากเลยทีเดียว  ถ้าหากคุณอยากที่จะทำความรู้จักหรือว่าศึกษาเรื่องราวสิ่งต่างๆเหล่านี้เพิ่มเติมเกี่ยวกับเคล็ดลับในการจดจำสิ่งต่างๆก็สามารถที่จะทำการศึกษาได้เรียนรู้เกี่ยวกับมันได้

พยายามเข้าใจสิ่งที่คุณเรียนรู้

หลายสิ่งหลายอย่างมากมายที่เราเองนั้นอาจจะยังไม่เคยได้รับรู้มาก่อน เกี่ยวกับสิ่งที่ใกล้ตัวของเราเป็นอย่างมากเช่นเดียวกันกับเรื่องราวที่เรากำลังจะพาทุกคนไปทำความรู้จักในวันนี้นั้น 

มันเป็นเคล็ดลับในการจดจำสิ่งต่างๆให้ได้เร็วกว่าคนอื่นจึงเชื่อได้ว่าใครหลายคนก็อยากที่จะเรียนรู้เคล็ดลับดังกล่าวนี้เพราะจะนำไปใช้ในการจดจำสิ่งต่างๆโดยเฉพาะในการอ่านหนังสือสอบหรือว่าในการเรียน เรื่องราวดังกล่าวนี้จะ    มีความน่าสนใจมากน้อยแค่ไหน ไปทำความรู้จักกันพร้อมกันเลยดีกว่า 

มีหลายสิ่งหลายอย่างเป็นทางมากมาย ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการการจดจำ กระบวนการคิดหรือแม้แต่กระบวนการทำงานของระบบต่างๆในร่างกายของเรานั้น 

ที่เราจำเป็นที่จะต้องศึกษามันเอาไว้เป็นอย่างมากเลยทีเดียว  อย่างไรก็ตามสำหรับเรื่องราวที่เรากำลังจะพาทุกคนไปทำความรู้จักในวันนี้นะเป็นเคล็ดลับในการจดจำสิ่งต่างๆให้ได้เร็วกว่าคนอื่น

  ซึ่งแน่นอนมีหลายคนที่กำลังศึกษาค้นคว้าเรื่องดังกล่าวนี้ เรื่องดังกล่าวก็คือ  การที่เราจะต้องพยายามเข้าใจสิ่งที่เรานั้นได้พยายามเข้าใจสิ่งที่คุณเรียนรู้ เรียนรู้มา  ซึ่งเคล็ดลับดังกล่าวนี้น่าสนใจมากน้อยแค่ไหนเราจะพาทุกคนไปทำความรู้จัก และศึกษาเรื่องราวต่างๆเหล่านี้กัน  แน่นอนบางคนเรียนรู้ถึงความรู้สึกเวลาที่กำลังเรียนรู้บางอย่าง  แต่คุณไม่เข้าใจข้อมูลนั้นปกติหรือไม่ แน่นอนหากมันผิดพลาดแล้วการเรียนรู้ดังกล่าวจะไม่รู้เรื่องเลย

เพราะมันเป็นเหมือนการเรียนรู้บทกวี  ที่แปลไม่ออก  สิ่งที่ไม่ดีอีกอย่างของการเรียนรู้  สิ่งที่คุณไม่เข้าใจก็คือ  ถ้าคุณลืมบางส่วนคุณจะไม่สามารถเรียนรู้ต่อได้จำได้  นั่นเป็นเหตุผลที่เราไม่แนะนำให้ทำเช่นนี้  สิ่งที่ควรทำ คืออ่านข้อมูลทั้งหมดและหาว่าประเด็นหลัก คืออะไร พยายามทำความเข้าใจ 3 สิ่งที่คุณอ่าน โดยใช้ภาษาของคุณเอง

  พยายามทำให้มันง่ายที่สุดเท่าที่จะทำได้  ถ้าคุณทำได้แสดงว่าคุณเข้าใจข้อมูลด้านๆแล้ว  และตอนนี้การจดจำรายละเอียดจะทำได้ง่ายขึ้น  แน่นอนว่าการจดจำบางสิ่งบางอย่างของแต่ละคนนั้น  มีความแตกต่างกันออกไปบางคนจำได้เร็ว  บางคนจะไม่ช้าหรือบางคนอาจจะต้องใช้ระยะเวลาในการจำในระยะเวลานาน  หรือบางคนทำสิ่งต่างๆที่ต่างกันออกไป 

บางคนจำเป็นภาพบางคนจำเป็นแผนผัง  บางคนจะเป็นตัวหนังสือ  หรือแม้แต่คำพูดใดๆก็ตาม  เรื่องดังกล่าวนี้ยังมีอะไรอีกมากมาย  ที่เรายังไม่ได้พูดถึง  ถ้าหากคุณสนใจอยากจะทำความรู้จักเพิ่มเติม  ก็สามารถที่จะทำได้เช่นเดียวกันแล้วทุกสิ่งทุกอย่าง ก็จะง่ายและเป็นตัวช่วยที่ดีในการจดจำเรื่องที่สำคัญ

 

สนับสนุนโดย  aesexy

ปรากฎการณ์เลนส์ความโน้มถ่วงเป็นทฤษฎีสัมพัทธภาพของไอน์สไตน์

ซึ่งถ้าหากว่านำไปเปรียบเทียบแล้วยังมีดาวอีกนับแสนดาวที่เป็นส่วนหนึ่งของแค่แกแล็คซี่แล้วก็ไม่สามารถที่จะมองเห็นได้อย่างชัดเจนเนื่องด้วยดาวอาจจะมีขนาดเล็กแล้วก็แกแล็คซี่กว้างใหญ่แล้วก็ยังมีระยะทางที่ไกลจากโลกมาก การสังเกตไม่ใช่ง่ายเลย 

ปรากฎการณ์เลนส์ความโน้มถ่วง แกแล็คซี่ทั้งแกแล็คซี่ถ้าหากว่าเราส่องโดยใช้กล้องโทรทรรศน์ที่มีประสิทธิภาพสูงเวลาส่องออกไปนอกโลกยังเห็นเพียงแค่เป็นรอยขนาดเล็กๆจางๆเพียงแค่จุดนึงเท่านั้นเอง แต่ว่าปัจจัยหนึ่งที่ทำให้การสังเกตุการณ์ดาวดวงนี้มีความเป็นไปได้ก็คือปรากฎการณ์ที่เรียกกันว่าเลนส์ความโน้มถ่วงนั่นเองเป็นทฤษฎีสัมพัทธภาพของไอน์สไตน์ที่ได้คาดการณ์เอาไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่าแรงโน้มถ่วงที่มหาศาลของกระจกแกแล็คซี่นี้

ซึ่งมันหาจจะสามารถเบี้ยงทางเดินของแสงได้ถ้าหากว่ากระจกแกแล็คซี่มีตำแหน่งที่อยู่ในแนวเดียวกันกับเส้นทางเดินของแสงจากวัตถุที่อยู่ห่างไกลออกไปแบบพอดีแสงของวัตถุเหล่านี้มันก็จะโค้งงอออกไปในลักษณะเดียวกันกับเลนส์โดยในกรณีของดาวฤกษ์Earendelนี้

แรงโน้มถ่วงอันมหาสารจากกระจกแกแล็คซี่ยักษ์ที่มีชื่อว่า WHL013708 ที่ตั้งอยู่บริเวณเบี้ยงหน้าก็จะทำให้การอวกาศบิดเบี้ยวออกไปก็จะเปรียบเสมือนกับว่าหิวน้ำที่มันพือไปมาทำหน้าที่คล้ายๆกับเลนส์ทำให้แสงดวงอาทิตย์รวมแสงกันแล้วก็ตกลงเป็นริ้วที่บริเวณก้นสระน้ำนั่นเอง

เนื่องจากนี้แสงจากดาวฤกษ์Earendelนี้ก็จะถูกเลนส์ความโน้มถ่วงทำให้มันดูบิดเบี้ยวออกไปแล้วก็แสงบางส่วนจะถูกอ้อมไปในลักษณะที่บังเอิญมารวมกันอีกครั้งหนึ่งที่บริเวรตำแหน่งของโลกพอดีเลยทำให้ดาวสว่างจากเดิมเพิ่มเติมไปอีกหลายพันเท่าเลย

จนกระทั่งมันจะมีความสว่างที่เพียงพอที่กล้องโทรทรรศน์อวกาศสามารถสังเกตุเห็นได้นั่นเองสถิติของดาวฤกษ์ที่อยู่ไกลที่สุดที่เราเคยสังเกตุกันก่อนหน้านี้ก็ค้นพบโดยกล้องโทรทรรศน์อวกาศในตอนนั้นก็เป็นดาวที่เรียกกันอีกชื่อหนึ่งเป็นดาวที่อยู่ห่างจากโลกประมาณ9,400ล้านปีแสงเกิดขึ้นกว่า4,000ล้านปี

หลังจากที่จักรวาลก่อตัวซึ่งดาวดังกล่าวนี้ก็ยังถือได้ว่ามีความสว่างที่น้อยกว่าดาวEarendelที่เพิ่งจะมีการค้นพบประมาณหนึ่งล้านเท่าเลยทีเดียวการศึกษาองค์ประกอบของดาวEarendelในอนาคตจะช่วยให้นักดาราศาสตร์นำข้อมูลตรงนี้มาช่วยยืนยันว่าดาวดวงนี้อาจจะเป็นดาวฤกษ์ในยุคแรกเริ่มก็คือยุค lf all goes to plan it could แล้วจะเป็นดาวในช่วงแรกๆที่นักดาราศาสตร์กำลังค้นหากันอยู่และตอนนี้จะกลายเป็นเป้าหมายตอนไปในการนำกล้องโทรทรรศน์อวกาศที่ส่งไปบนอวกาศ

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  alpha88

สารเคมีระเหยที่ส่งผลต่อรสชาติ

สารเคมีระเหยที่ส่งผลต่อรสชาติ เหตุใดจึงจะได้ผล เมื่อเร็วๆ นี้ในขนมคาราเมลเค็มได้แสดงให้เราเห็น รสเค็มและรสหวานทำงานร่วมกันโดยเนื้อแท้ มันสร้างสิ่งที่เรียกว่า การแบ่งชั้นนี้ทำให้สมองตอบสนองด้วยสัญญาณเชิงบวก โดยสัมผัสได้ถึงความหวานและเชื้อเพลิงคาร์โบไฮเดรตในสมอง และเกลือ ซึ่งมีความสำคัญต่อการทำงานของร่างกาย และสับปะรดก็อัดแน่นในแผนกความหวานอย่างแน่นอน ประมาณ 12-15%

ของน้ำหนักสับปะรดมาจากน้ำตาล ส่วนใหญ่เป็นซูโครส แต่ยังรวมถึงกลูโคสและฟรุกโตสด้วย อย่างไรก็ตาม สับปะรดยังมีความเป็นกรดค่อนข้างมาก โดยมีค่า pH อยู่ระหว่าง 3-4 ขึ้นอยู่กับความหลากหลาย (สำหรับบริบท น้ำมะนาวมีค่า pH ระหว่าง 2-3) เช่นเดียวกับในกระป๋องโคล่า

ซึ่งเป็นกรดที่น่าประหลาดใจเช่นกัน ที่ pH 2-3 – น้ำตาลจะช่วยชดเชยความฝาดเผ็ดร้อนแสบลิ้นและทำให้อร่อยและน่ารับประทาน

ที่อุณหภูมิความร้อนต่ำ กลิ่นหอมของผลไม้จะถูกปล่อยออกมาอย่างรวดเร็ว แต่ความเข้มข้นของมันจะต่ำลงเรื่อยๆ เมื่ออุณหภูมิและเวลาในการทำความร้อนเพิ่มขึ้น – Zhimin Xu อย่างไรก็ตาม บางคนมีความอ่อนไหวต่อรสนิยมบางอย่างมากกว่าคนอื่นๆ

คิดว่าปัจจัยทางพันธุกรรมมีบทบาทในการที่เราแต่ละคนชอบรสเปรี้ยวมากเพียงใด และนักวิทยาศาสตร์พบว่าผู้ที่มียีนที่แปรผันเฉพาะที่เรียกว่า TAS2R38 อาจมีความรู้สึกไวต่อสารประกอบที่มีรสขมไม่มากก็น้อย

ในทำนองเดียวกัน ความชื่นชอบในรสหวานของเราก็ได้รับอิทธิพลจากยีนของเราเช่นกัน และอาจส่งผลต่อปริมาณอาหารที่มีน้ำตาลที่เรารับประทานเข้าไป เป็นไปได้ว่าไม่ว่าใครจะชอบสับปะรดบนพิซซ่าหรือไม่ก็ตาม ล้วนแล้วแต่มาจากยีนของพวกเขา

สิ่งนี้เหมาะสมยิ่งขึ้นเมื่อคุณพิจารณาว่าจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อสับปะรดสุก Zhimin Xu นักวิทยาศาสตร์ด้านอาหารผู้ศึกษาสารเคมีระเหยที่ส่งผลต่อรสชาติของ Louisiana State University Agricultural Center ในแบตันรูช

กล่าวว่า “ปฏิกิริยาเคมีเกิดขึ้นได้หลายอย่าง เนื่องจากมีน้ำตาลและกรดอินทรีย์อยู่เป็นจำนวนมาก เนื่องจากมีน้ำตาลและกรดอินทรีย์อยู่เป็นจำนวนมาก

เรา. เขาและเพื่อนร่วมงานได้ศึกษาสิ่งที่เกิดขึ้นกับสับปะรดอย่างแน่นอนเมื่อปรุงสุกที่อุณหภูมิต่างกัน “ที่อุณหภูมิการให้ความร้อนต่ำ กลิ่นหอมของผลไม้จะถูกปล่อยออกมาอย่างรวดเร็ว แต่ความเข้มของมันจะลดลงและลดลงตามอุณหภูมิและเวลาในการให้ความร้อนที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่กลิ่นหอมคล้ายขนมปังจะเพิ่มขึ้นในระหว่างการให้ความร้อน” เขากล่าว “สับปะรดอุ่นยังมีรสหวานอมเปรี้ยวน้อยกว่าเมื่อเทียบกับสับปะรดสด”

แต่เมื่อสับปะรดถูกความร้อนที่อุณหภูมิสูง สิ่งต่างๆ ก็เริ่มน่าสนใจ พิซซ่าแช่แข็งและซื้อจากร้านค้าส่วนใหญ่ปรุงในเตาอบในประเทศที่บ้านใช้เวลา 10-20 นาทีในอุณหภูมิ 200C-220C (392F-428F) แต่ในเตาอบพิซซ่าที่ทำด้วยไม้ อุณหภูมิอาจสูงถึง 500C (932F) และพิซซ่าต้องการ น้อยกว่าสองสามนาที Xu และเพื่อนร่วมงานพบว่าที่อุณหภูมิระหว่าง 200C-225C (392F-437F) ความสมดุลของสารประกอบระเหยง่าย ซึ่งกลายเป็นไอได้ง่ายที่อุณหภูมิห้องและมักทำให้เกิดกลิ่นและรสในอาหาร เริ่มเปลี่ยนแปลงอย่างมาก อาจเป็นได้ว่าบางคนอาจไม่ชอบรสหวานของสับปะรดเมื่อทานกับส่วนผสมของพิซซ่ารสเค็ม เช่น แฮม ไส้กรอก ชีส  

ประการแรก ปริมาณของสารประกอบที่เรียกว่าเอทิลอะซิเตท ซึ่งทำให้สับปะรดมีกลิ่นผลไม้ ลดลงอย่างมากที่อุณหภูมิสูงขึ้น ในขณะเดียวกันระดับของสารประกอบที่เรียกว่า เฟอร์ฟูรัล ซึ่งให้รสอัลมอนด์และขนมปัง เพิ่มขึ้นอย่างมาก ในขณะที่หลายคนพบว่าสิ่งนี้น่าดึงดูดใจ รสขมของอัลมอนด์เป็นสิ่งที่ขัดแย้งกับความคิดเห็นเป็นประจำ

เมื่อทดสอบด้วยอุณหภูมิสูงสุด อย่างไรก็ตาม สารประกอบคาราเมล 5-methyl furfural ที่มีรสหวานกลายเป็นสารที่โดดเด่นเป็นอันดับสองรองจาก furfural ซึ่งช่วยเพิ่มกลิ่นหอมหวานเหนือผลไม้ของสับปะรดสด Xu สงสัยว่าผลไม้รสหวานนี้ในขณะที่ทำอาหารอาจเป็นหัวใจสำคัญว่าทำไมคนจำนวนมากถึงรู้สึกหนักแน่นเกี่ยวกับการปรากฏตัวของมันบนพิซซ่า

 

สนับสนุนเนื้อหาโดย    มั่งมีหวย

ผู้ค้าลอตเตอรี่บ่น สลากดิจิตอลทำพิษ  ขนาดขายน้อยแล้วยังเหลือเต็มแผง 

                   เมื่อวันที่ 1 เดือนสิงหาคม ปีพ.ศ. 2565 ซึ่งถือว่าเป็นอีกวันหนึ่งที่ฉลากกินแบ่งรัฐบาลจะมีการออกรางวัล

  อย่างไรก็ตามได้มีผู้สื่อข่าวได้ลงไปสำรวจบรรยากาศแผงขายล็อตเตอรี่ประเภทหาบเร่และผู้ขายลอตเตอรี่รายย่อยว่าสถานการณ์การขายลอตเตอรี่ของแผงขายรายย่อยนั้นเป็นอย่างไรบ้างปรากฏว่าค่อนข้างเงียบเหงาเป็นอย่างมาก

              โดยผู้ขายลอตเตอรี่ได้มีการบ่นออกมาว่าโดยปกติแล้วเมื่อถึงวันสุดท้ายของการออกสลากกินแบ่งรัฐบาลลอตเตอรี่จะต้องขายเกลี้ยงแผงแล้วแต่ปรากฏว่านับตั้งแต่ที่ทางกองสลากได้มีการออกสลากดิจิตอลออกมาก็ทำให้การค้าขายลอตเตอรี่ของผู้ค้ารายย่อยนั้นค่อนข้างเงียบเหงาเป็นอย่างมากอย่างเช่นในวันที่ 1 เดือนสิงหาคม ปีพ.ศ. 2565

นี้ตั้งแต่เช้าเป็นต้นมาผู้ขายลอตเตอรี่รายย่อยแทบจะไม่สามารถขายลอตเตอรี่ได้เลยถือได้ว่าเป็นการขายลอตเตอรี่ที่ค่อนข้างเงียบเหงาเป็นอย่างมากส่วนใหญ่แล้วลูกค้าที่มาซื้อลอตเตอรี่กับผู้ค้ารายย่อยนั้นมักจะเป็นลูกค้าที่ซื้อขายล็อตเตอรี่กันมาอย่างยาวนาน

เรียกได้ว่าเป็นลูกค้าประจำกันส่วนลูกค้าที่นานๆซื้อทีนั้นก็แทบจะบางตาเพราะส่วนใหญ่นั้นหันไปซื้อสลากดิจิตอลแทนกันหมดแล้วนั่นเอง 

           อย่างไรก็ตามผู้ขายล็อตเตอรี่ยังมีการพูดถึงการขายสลาก Digital ด้วยว่าถึงแม้ว่าจะมีการประกาศออกมาว่าเมื่อมีการเปิดขายเพียงแค่ 2-3 วันเท่านั้นก็ขายหมดเกลี้ยงแล้วแต่ผู้ค้ารายย่อยก็ยังไม่สามารถหาลูกค้ามาซื้อสลากกินแบ่งของตนเองได้เหมือนเดิมเนื่องจากว่าในขณะนี้ทางกองสลากได้มีการเพิ่มฉลากดิจิตอลเป็นจำนวนมากที่สามารถซื้อผ่านทางออนไลน์ได้ทำให้ลูกค้าที่จะมาซื้อลอตเตอรี่กับแผงขายที่เป็นร้านค้ารายย่อยหรือหาบเร่นั้นมีการซื้อน้อยลงส่วนใหญ่แล้วนักเสี่ยงโชคก็จะหาซื้อผ่านทางออนไลน์แทน  นอกจากจะมีการขายจากทางกองสลากผ่านทางแอพเป๋าตุงแล้วยังมีการขายล็อตเตอรี่ออนไลน์อีกมากมายหลายเจ้าที่มาเป็นคู่แข่งกับแผงขายล็อตเตอรี่ทำให้ในขณะนี้ผู้ค้าลอตเตอรี่ต่างก็พากันบ่นออกมาเป็นอย่างมากว่ามีการรับลอตเตอรี่น้อยลงแล้วก็ตามแต่ก็ยังไม่สามารถขายหมดแผงได้นั่นเอง 

             ปัจจุบันผู้ค้าขายลอตเตอรี่รายย่อยจำนวนหลายรายที่มีการลดการจำหน่ายลอตเตอรี่ลงด้วยของเดิมในแต่ละงวดจะมีการนัดตรวจลอตเตอรี่ประมาณ 2000 ถึง 3000 ใบมาวางขายแต่ตอนนี้หลังจากที่มีการขายล็อตเตอรี่ผ่านทางออนไลน์และขายสลากดิจิตอลผู้ขายลอตเตอรี่ก็ลดจำนวนลอตเตอรี่ลงมาเพียงแค่ 1,000 -1,300 ใบเท่านั้นแต่ก็ยังขายไม่หมดแผงอยู่เช่นเดิม 

            อย่างไรก็ตามผู้ค้าลอตเตอรี่พวกหาบเร่และผู้ค้ารายย่อยต่างก็พากันบ่นว่าถ้าหากในอนาคตรัฐบาลจะมีการเพิ่มโควต้าสลากดิจิตอลให้มากขึ้นกว่าเดิมพวกเขาคงไม่มีงานทำคงเลิกขายล็อตเตอรี่แล้วหันไปทำอาชีพอื่นแทน 

 

สนับสนุนโดย   หวยดี